ข้อแนะนำ ที่จะทำให้ดู ‘เพลิงพระนาง’ สนุกขึ้น

ละครหลังข่าวเรื่องเก่าสร้างใหม่ ที่กำลังก่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกรียวกราวตั้งแต่ยังไม่แพร่ภาพ เนื่องจากปัจจุบันสื่อสาธารณะเปิดกว้างและรวดเร็วขึ้น ทำให้ประเด็นที่ไม่เคยปรากฏในอดีตโดดพ้นออกมา เช่นเสียงจากผู้มีเชื้อสายเกี่ยวข้องกับเนื้อหาซึ่งจำลองภูมิหลังมา ดังข้ามฟ้ามาให้ได้ยิน นอกเหนือความเห็นนานาในบ้านเกี่ยวกับงานสร้าง ตัวละคร และการแสดง

“เพลิงพระนาง” ได้การตอบรับที่ดี มีคนเอาใจช่วยมาก และเรื่องอิงประวัติศาสตร์ ทำให้คนอีกจำนวนมากลุกหาหนังสือดีที่มาของเรื่องราวเหล่านั้น อ่านเพิ่มเติมความรอบรู้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นบรรยากาศร่วมสมัยครั้งตะวันตกรุกล่าอาณานิคม ที่บ้านเราก็เอาตัวแทบไม่รอด

ทำให้ “เที่ยวเมืองพม่า” ของ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงฯ กับ “พม่าเสียเมือง” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ฟื้นชีวิตอันทรงคุณค่าขึ้นมาอีกคำรบ
ในการนี้ พูดแบบอนุโลมว่า คนส่วนมากเข้าใจกันแล้วว่าเนื้อหาละครเรื่องนี้อิงอยู่บนพื้นฐานอะไร เป็นวิธีการสากลในการนำเสนออยู่เอง ไม่ว่างานสร้างของใครที่ไหน

สังคมตะวันตกหรือตะวันออก อย่างมากก็บอกแต่ต้นว่า เรื่องนี้มีแก่นมาจากเรื่องจริง ส่วนโครงร่างรายละเอียดทั้งหมดย่อมดัดแปลงไป โดยเฉพาะชื่อและสถานที่ ผู้สร้างย่อมชี้แจงแต่แรกว่า หนังละครเรื่องนี้เป็นงานสมมุติซึ่งนำเค้าโครงมาจากเรื่องจริงเท่านั้น และเรื่องจริงลักษณะนี้ย่อมมีอยู่ทั่วไป ผู้ชมไม่ควรต้องเหน็ดเหนื่อยเอาเป็นเอาตายกับเนื้อหา ว่าดูหมิ่นคนนั้น เหยียดหยามคนนี้ ชมคนโน้น

Advertisement

ดังนั้น ผู้สร้างก็ไม่ต้องกระวนกระวายอธิบายเรื่องที่ใครก็รู้อยู่แล้ว คนเข้าใจเขาก็เข้าใจ คนไม่อยากเข้าใจก็ไม่เข้าใจอยู่นั่นเอง ผู้ชมดูเนื้อหาเอาอุทาหรณ์ที่ได้จะบำรุงการเรียนรู้ดีกว่า

IMG_6335

ละครผ่านความรัก โลภ โกรธ หลง ไปแล้วหลายตอน หากจับรสนิยมการสร้างแบบที่พยายามสนองรสชาติคุ้นเคย ชนิดคุมแค้น ทะเลาะ ตบตีอย่างที่เห็นกันมาแล้วมาก ให้เป็นความร้ายกาจลุ่มลึกเหมือนยิ้มซ่อนคมดาบ ที่ไม่แสดงออกมาแต่เงียบโหดน่าสะพรึงกลัว เช่นที่หนังชุดราชสำนักจีนหรือเกาหลีใต้ทำให้ดู อย่างนั้นน่าจะแสดงฝีมือ และยอมรับคุณภาพกันได้มากกว่าด่าทอทุบถองกันแบบปากตลาด

อย่างไรก็ตาม ชีวิตของสามัญชนหรือชาติชนในรั้วในวัง ล้วนมีเส้นทางอุทาหรณ์สอนใจด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งดูลึกอ่านลึกลงไปยิ่งตระหนักในอนิจจังของการเกิดเป็นทุกข์

ความร่วมสมัยของผู้คนในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ยังชี้ให้เห็นถึงความที่ต้องเท่าทันตัวเอง เท่าทันโลก ที่รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ของเราทรงวิริยะบากบั่นสู้ประคับประคองบ้านเมืองมา

ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัวได้ก็จริง แต่หากหนังละครเหล่านั้นมีพื้นฐานข้อเท็จจริงหรืออิงประวัติศาสตร์ให้เห็น การเรียนรู้ของผู้คนจะประทับใจซาบซึ้งยิ่งขึ้นกับความสูงต่ำบนเส้นทางชีวิตเหล่านั้น

จะดู “เพลิงพระนาง” ให้ยิ่งสนุก จึงต้องมีหนังสืออีก 2 เล่มประกอบให้ยิ่งเข้มข้นขึ้น “ราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน” เจ้าหญิงองค์กลางในพระเจ้ามินดงกับมเหสีตำหนักกลาง (อเลนันดอ) ผู้มียายเป็นแม่ค้าในตลาดที่พระเจ้าจักกายแมงรับเป็นสนมแต่ครั้งเป็นเจ้าชาย ผู้ถูกตราว่าเป็นเหตุให้ราชอาณาจักรพม่าสิ้นชาติ ถูกวิพากษ์อย่างหนักเช่นเดียวกับพระนาง ซูสีไทเฮา แห่งต้าชิง ผู้เป็นเหตุให้ราชวงศ์ชิงอันยิ่งใหญ่ล่มจม อ่านแสวงข้อเท็จจริงที่ชวนสะทกสะท้อน ดึงจิตใจให้ครุ่นคิดลึกซึ้งยิ่งกว่าละครที่วาดเติมสีสันให้ตาเห็น

17351003_1259441267426920_1027873510_n

ผู้อ่านรู้จักความเหี้ยมเกรียมของพระนางจาก “พม่าเสียเมือง” แต่เล่มนี้ เอช. ฟิลดิง ฮอลล์ เขียนจากคำให้การของนางข้าหลวงที่ถวายงานใกล้ชิด ในฐานะผู้มวนพระโอสถถวาย ซึ่งเข้าไปรับใช้ตั้งแต่เป็นเด็กหญิง คำให้การที่ทำให้เห็นเลือดเนื้ออารมณ์ของพระนางอีกแง่มุม ความเมตตาต่อผู้ใต้บังคับ นอกเหนือความหึงหวงเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพระสวามี ขนาดให้ทั้งพี่สาวน้องสาวมาร่วมเขนย กีดกันผู้อื่น ที่สำคัญ ไม่ว่าผู้ใดมีทีท่าเป็นภัยต่อพระสวามี จะต้องถูกกำจัด ถึงจะเป็นพระญาติวงศ์พงศาเดียวกันก็ตาม

นี่เองคือเหตุของความเลือดเย็น ที่ต้องใช้งานมหรสพถึง 3 วัน 3 คืนกวาดล้างผู้ไม่ภักดี โดยให้เสียงประโคมบันเทิงครึกครื้นกลบบรรดาเสียงกรีดร้องโหยหวนของเหล่าผู้ถูกรุมสังหาร

ความรักของนางข้าหลวงที่ให้การ บอกแต่ต้นจนวาระสุดท้ายที่ได้มองพระนาง และพระเจ้าสีป่อ ถูกคุมขึ้นเกวียนลงเรือไปรัตนคีรีแหล่งพำนักสุดท้ายไม่ไกลจากบอมเบย์ (หรือมุมไบปัจจุบัน) ในอินเดีย สุภัตรา ภูมิประภาส กับ สุภิดา แก้วสุขสมบัติ แปลให้อ่านอย่างสุดแสนสะเทือนใจ

จากนั้น “ราชันผู้พลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมือง” โดยนักเขียนอินเดียผู้พิศวงใคร่รู้ในชะตากรรมกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า สุธา ชาห์ ใช้เวลามากถึง 7 ปี ค้นคว้าจนได้ภาพชีวิตพระเจ้าสีป่อกับพระนางศุภยาลัตในรัตนคีรีมาเป็นหนังสือหนาเหมาะมือเล่มนี้ สุภัตรา ภูมิประภาส แปลอีกอย่างไว้ฝีมือ

17354889_1259443167426730_892613048_n

เวลาถึง 30 ปีที่ต้องพำนักอยู่ต่างแดนจนพระเจ้าสีป่อสิ้นพระชนม์ กษัตริย์ที่ถูกมเหสีตำหนักกลางของบิดาใช้ลูกสาวเชิดเพื่อครองอำนาจ ก่อนจะขัดแย้งกันเองกับธิดาผู้ทะเยอทะยาน ในราชสำนักซึ่งถูกปิดหูปิดตาไม่เห็นโลกภายนอก กระทั่งภัยข้ามโลกมากล้ำกรายก็ไม่ตระหนัก หนังสือที่ตีแผ่รายละเอียดข้อเท็จจริงนานาที่น่าเรียนรู้ น่าตระหนก ที่ทำให้เห็นความรุ่งโรจน์ และความเสื่อมสลายของบ้านเมือง ของผู้คน ซึ่งตั้งอยู่ในความประมาท อันรู้ไม่ทันโลก ไม่เท่าทันตัวเองดังกล่าวแล้วนั้นเอง

เรื่องจริงซึ่งเฆี่ยนตีมโนสำนึกผู้คนลักษณะนี้ ทรงคุณค่ามหาศาล ถ้าเพียงแต่เราเข้าใจถึงการเกิดมา ตั้งอยู่ และดับไป เช่นที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวเตือนไว้แต่บรรพกาลมิให้ลืมเลือน

เรื่องของพระนางศุภยาลัตอันหนังสือสองเล่มนี้ให้เป็นอีกความทรงจำหนึ่งในชีวิต ยังมีให้ติดตามอีกจากหลายแหล่งในห้องเรียนสาธารณะจากสื่อตามสาย เพียงใส่พระนามของพระนางลงให้ ‘ลุงเกิล’ ค้นหา ก็จะได้เห็นกระทั่งเชื้อสายของพระนาง และพระเจ้าสีป่อซึ่งสืบสายมาจนปัจจุบัน

จากพระราชธิดาองค์โตแรกไปรัตนคีรีที่ไม่ได้ค่อยพบปะผู้คน จนไปร่วมหอลงโรงกับยามเฝ้าตำหนัก มีลูกหลานลำบากยากไร้มาจนเดี๋ยวนี้ ล้วนมีภาพถ่ายให้เห็นกระทั่งริ้วรอยใบหน้าอันทุกข์เข็ญที่ประทับไว้ลึกล้ำ ถึงเหล่าธิดารองที่กลับพม่ามากับพระนางในภายหลัง ซึ่งแต่งกับชาวอินเดียเช่นกัน จนเชื้อสายรุ่นล่าสุดที่กำลังไม่สบอารมณ์กับละครซึ่งนำเสนออยู่ขณะนี้

การเรียนรู้เป็นคุณสมบัติอันเลิศของมนุษย์ ขณะเดียวกัน ความยากเย็นในการควบคุมหรือผ่านด่านรัก โลภ โกรธ หลง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ก็ยังเป็นคุณสมบัติที่อบรมกล่อมเกลาได้ลำบาก แม้สามารถเรียนรู้ตัวอย่างอันควรระแวดระวัง แต่หากไม่สามารถปลูกฝังจิตใจเมตตา เห็นแก่เพื่อนร่วมทุกข์ กรุณาผู้คนทั้งหล้าอย่างพี่น้องร่วมอุทร สังคมก็คงยังระหกระเหินอยู่ไม่แล้ว

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ‘เพลิงพระนาง’ ก็คอยบอกให้ดูหนังดูละครแล้วหมั่นย้อนดูตัวให้บ่อยๆ อยู่นั่นเอง.

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image