คสช.แจง’รื้อป้อมมหากาฬ’ไม่ได้มุ่งจัดระเบียบอย่างเดียว ยันมีการศึกษาปวศ.-ความเป็นโบราณสถาน

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีข้าราชการบำนาญกรมศิลปากรได้วิจารณ์ผ่านสื่อมวลชนถึงการรื้อถอนชุมชนป้อมมหากาฬว่า คสช.ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์และมุ่งเพียงการจัดระเบียบสังคมเท่านั้น ว่า การพัฒนาพื้นที่ป้อมมหากาฬเป็นการดำเนินการร่วมกันของหลายหน่วยงาน อาทิ กทม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรมศิลปากร เป็นต้น ดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการ มีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาร่วมให้คำแนะนำ โดยมี กทม.เป็นหน่วยงานหลัก ดำเนินการโดยพิจารณาผลกระทบในทุกมิติ ทั้งตามขั้นตอนของกฎหมาย วิถีชุมชน เอกลักษณ์ความเป็นโบราณสถาน มีกรอบการทำงานที่ต้องการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด มีการเยียวยากับประชาชนในชุมชน ดำเนินการด้วยความละมุนละม่อมมาโดยตลอด

ดังนั้นขอชี้แจงว่า การที่ คสช.เข้าให้การสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ป้อมมหากาฬนั้น มิได้มุ่งเน้นเพียงเพื่อจัดระเบียบพื้นที่ให้เกิดความเรียบร้อยเท่านั้น หากแต่ได้คำนึงถึงกฎหมาย อัตลักษณ์ และความร่วมมือของชุมชน รวมถึงประโยชน์ในการใช้พื้นที่ร่วมกันของประชาชนเป็นส่วนรวม อีกทั้งเป็นไปตามกระบวนการพัฒนาพื้นที่ของภาครัฐ ทั้งนี้ หากพิจารณาสภาพของชุมชนป้อมมหากาฬในปัจจุบัน จะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนกับวิถีของชุมชนนี้ในอดีต และคงจะทำให้ได้เข้าใจถึงความจำเป็นของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องเข้าพัฒนาพื้นที่เพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะ โดยยังดำรงความเป็นโบราณสถานไว้

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า การจัดระเบียบสังคมที่ คสช.เข้าดำเนินการในแต่ละพื้นที่มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน อาทิ จัดระเบียบเพื่อบังคับใช้กฎหมาย จัดระเบียบเพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย จัดระเบียบเพื่อเกิดความร่วมมือและข้อตกลงร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น โดยก่อนที่จะเข้าดำเนินการหรือให้การสนับสนุน ได้มีการศึกษาข้อมูลในด้านต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำงานอย่างรอบคอบ กรณีชุมชนป้อมมหากาฬ หน่วยงานต่างๆ รวมทั้ง คสช.ก็ได้มีการศึกษาถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมา พิจารณาแนวทางที่ชุมชนจะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมในอนาคต และเป็นพื้นที่ของส่วนรวมอย่างแท้จริง

“ป้อมมหากาฬเป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2492 และตั้งแต่ปี 2502 เป็นต้นมารัฐบาลทุกสมัยมีการปรับปรุงป้อมมหากาฬ ให้มีความสะอาดเรียบร้อย และเป็นการอนุรักษ์โบราณและสถาปัตยกรรมของไทยมาโดยตลอด รวมทั้งได้มีการตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พร้อมทั้งได้ออก พ.ร.ก.กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. ปี 2535 เพื่อจัดทำสวนสาธารณะและโบราณสถาน โดยมีการพัฒนาพื้นที่บริเวณป้อมมหากาฬมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการขอความร่วมมือจากชุมชนป้อมมหากาฬให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นการบุกรุก จนกระทั่งในปี 2547 ศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยชี้ขาดให้ กทม.มีสิทธิรื้อถอนชุมชนป้อมมหากาฬได้ เนื่องจากมีการตกลงซื้อขายและจ่ายเงินค่าทดแทนแล้ว ปัจจุบัน กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณป้อมมหากาฬเพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะ โดยยังคงอนุรักษ์ความเป็นโบราณสถานที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ต่อไป” รองโฆษก คสช.กล่าว

Advertisement

ป้อมมหากาฬ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image