⦁…คล้ายวันเกิดครบรอบ 63 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวในฐานะที่เข้าสู่ปีที่ 3 การทำหน้าที่ “นายกรัฐมนตรี” ว่า “สิ่งสำคัญผมมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ ประชาชน” ซึ่งเป็นคำที่ยืนยันตอกย้ำมาตลอดในทำนอง “ไม่ได้เข้ามามีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้อง แต่เข้ามาทำงานเพื่อความสงบของประเทศชาติ และความสุขของประชาชน” ซึ่งต้องอนุโมทนากับ “ความตั้งอกตั้งใจ” ของ “บิ๊กตู่”
⦁…เพราะเข้าอกเข้าใจกันดี ซึ่งปณิธานของ “น้องรักแห่งบูรพาพยัคฆ์” ก่อนเข้าวาระการประชุม ครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะตัวแทนคณะรัฐมนตรี กล่าวอวยพรวันเกิดว่า “คณะรัฐมนตรีจะตั้งใจทำงานและทำหน้าที่เพื่อชาติ” ทำให้ “น้องตู่” เป็นปลื้มถึงกับกล่าว “ขอบคุณ” อย่างสุดซึ้ง แต่ยังย้ำในการกล่าวตอบว่า “ขอให้คณะรัฐมนตรีตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน” เมื่อเป็นเช่นนี้ในฐานะประชาชนคนไทยคงไม่มีใครที่ติดตามเรื่องราวแล้วจะไม่ “อุ่นใจในความมุ่งมั่นของผู้มีอำนาจ”
⦁…อย่างไรก็ตาม “ความอุ่นใจเกิดขึ้นจากคำพูดที่สะท้อนความตั้งใจ” ก็จริง แต่ “ความสุขจะเกิดขึ้นกับประชาชน” ก็ด้วย “เรื่องที่ทำ” สำเร็จตาม “คำพูดที่แสดงความมุ่งมั่น” นั้น ที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือ “ที่ทำไม่เป็นไปตามที่พูด” ซึ่งที่สุดแล้ว “เวลาจะพิสูจน์” ว่า “คำพูดที่สร้างความอุ่นใจจะแปรเป็นการกระทำที่ก่อความเชื่อมั่นว่าเป็นไปตามที่พูดหรือไม่”
⦁…เรื่องหนึ่งที่คนในแวดวง “จับตาไม่กะพริบ” ช่วงนี้ เป็นข่าว “ต่ออายุผู้ว่าการ สตง.” ให้ พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ที่จะครบเกษียณตามอายุ 65 ปี ในวันที่ 10 เมษายนที่จะถึงนี้ ความน่าสนใจอยู่กับเรื่องราวที่พูดกันโจ๋งครึ่มไปทั่วว่า มี “ความพยายามดิ้นรน” ที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ “หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ” ใช้อำนาจ “ม.44” ฝ่า “กติกาเดิม” ให้ “พิศิษฐ์” ได้ทำหน้าที่ “ผู้ว่าการ สตง.” ต่อ เป็นข่าวไม่เพียงลุ้นระทึกกันใน “สตง.” ว่า “การใช้อำนาจฝ่ากติกาจะเกิดขึ้นตามข่าวลือหรือไม่” แต่เป็นเรื่องที่ไหวสะท้านในหัวใจของ “ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่มีความหวังกับการทำหน้าที่ของ สตง.”
⦁…ตามข่าวเล่าลือมาว่า “ช่วงนี้การทำหน้าที่ของ สตง.” ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งดูแลการ “ใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ” กำลังสร้างผลงานอย่างถี่ยิบในทางที่ “สนองความต้องการของผู้มีอำนาจ” หลายเรื่องหลุดเลยไปทำ “นอกหน้าที่” ว่ากันว่าเพื่อเป้าหมายที่ “ไม่เกี่ยวกับประโยชน์ของประเทศชาติ” ที่พยายามตอกย้ำให้ “ประชาชนชื่นชม” ทำให้หลายคนใจหาย ว่าที่ “พล.อ.ประยุทธ์” พูดไว้ จะไม่ “ตรงกับที่กำลังทำ”
⦁…ขึ้นชื่อว่า “สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน” หน้าที่หลักคือ “ดูแลการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ” ซึ่ง “ผู้มีหน้าที่ใช้” คือ “ผู้มีอำนาจบริหารประเทศ” ดังนั้นหาก “ผู้มีอำนาจ” ใช้ “อำนาจพิเศษนอกกติกาเดิม” ไปทางที่ “เป็นบุญเป็นคุณ” กับ “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ สตง.” เสียแล้ว จะเหลือ “ความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจจ่ายงบประมาณรัฐ” ได้อย่างไร
⦁…เรื่องนี้คงไม่เพียง “ความเชื่อมั่น” ใน “ผู้ว่าการ สตง.” ถ้าดำรงตำแหน่งด้วย “วิธีนี้” เท่านั้น แต่ “บทบาทของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทั้งหมด” จะเป็นที่หวาดระแวงต่อ “ฝ่ายต่างๆ” ได้ ว่าจะเป็นเครื่องมือ “ทางการเมือง” ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องซ้ำเติม “ความเป็นไปของประเทศชาติ” ที่ “หนทางปรองดองลำบากยากเย็น” ในปัจจุบัน
⦁…และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หาก “ใช้อำนาจพิเศษจัดการฝ่าระเบียบเดิม” ความไม่เชื่อมั่นจะลามมาถึง “ผู้ใช้อำนาจด้วย” ข้อครหาที่ว่า “ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงครอบงำองค์กรที่ควรจะเป็นอิสระ” จะเกิดขึ้น และที่สุดแล้ว แนวโน้มที่จะทำให้ผู้คนคิดว่า “ไม่ใช่การใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ” แต่เป็นการใช้เพื่อ “สนองอำนาจของตัวเอง” จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่เป็นผลดีอะไรต่อ “การบริหารประเทศชาติ” ซึ่ง “ศรัทธาประชาชน” เป็นเรื่องที่ควรสร้างให้เกิดขึ้น
⦁…และจะว่าไป หากไม่มีอะไรมาบังตา ด้วยสติปัญญาระดับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมต้องมองเห็นได้ว่า “ประเทศไทยยังมีคนดีมีความสามารถ” อันเป็น “คนรุ่นใหม่” อีกมากมาย ที่จะมาทำหน้าที่ได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกครหา แถมจะสร้างความอุ่นใจให้ประชาชน ทำนองว่า “กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี”
ชโลทร