ราโชมอน ยุคใหม่ ชีวิต ความตาย ของชัยภูมิ ป่าแส

แฟ้มภาพ

เป็นเรื่องเล่าที่ย้อนแย้งกันยิ่งกว่านิยาย “ราโชมอน”

กรณีเจ้าหน้าที่ทหารร้อย ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม.5 อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ประจำกาย ยิงนายชัยภูมิ ป่าแส อายุ 17 ปี นักกิจกรรมชาติพันธุ์ลาหู่เสียชีวิต

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม

Advertisement

โดยรายงานว่า ขณะตั้งจุดตรวจยาเสพติดด่านทหารสามแยกรินหลวง ได้เรียกรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีดำ ทะเบียน ขก 3774 เชียงใหม่ ตรวจค้น

พบยาบ้า 2,800 เม็ด อยู่ในกรองอากาศของรถ จึงจับกุมนายพงศ์นัย แสงตะล้า อายุ 19 ปี คนขับรถไว้

ส่วนนายชัยภูมิ ที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับวิ่งหนีห่างออกไปประมาณ 200 เมตร

Advertisement

เจ้าหน้าที่ทหารวิ่งติดตามใกล้ถึงตัว แต่นายชัยภูมิเงื้อระเบิดในมือจะขว้างใส่

จึงยิงป้องกันตัว 1 นัด เป็นเหตุให้เสียชีวิต

20 มีนาคม ญาติและเพื่อนของชัยภูมิ ป่าแส

ทำพิธีฝังศพผู้เสียชีวิตตามประเพณีท้องถิ่นที่สุสานของชุมชนแล้ว

ขณะที่ในทวิตเตอร์ มีการติดแฮชแท็ก #ชัยภูมิ #RIPชัยภูมิ ฯลฯ

และยังเรียกร้องให้สื่อมวลชนเกาะติดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

เสียงร้องนี้คงดังลงจากดอยมาถึงทำเนียบรัฐบาล

21 มีนาคม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า

เป็นเรื่องของ ป.ป.ส.ที่ติดตามเรื่องยาเสพติด และผู้ตายวิ่งหนีโดยมีการขว้างระเบิด

เจ้าหน้าที่จึงวิสามัญฆาตกรรม

ได้สั่งให้มีการตรวจสอบในรายละเอียดแล้ว

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า

มีรายงานตนว่าเจ้าหน้าที่ก็ต้องป้องกันตัว

เนื่องจากผู้เสียชีวิตมีเจตนาจะขว้างระเบิด และระเบิดก็ตกอยู่ในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสังเกตว่าผู้เสียชีวิตยังเป็นเยาวชนอยู่

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร

เจ้าหน้าที่ก็กลัวตายเหมือนกัน

ตรงข้ามกับเรื่องเล่าของภาครัฐ

คะติมะ หลี่จ๊ะ ตัวแทนเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมือง ระบุว่า ชัยภูมิเป็นเด็กเรียนดี และไม่เคยข้องเกี่ยวกับอบายมุขใดๆ

“ประชาไท” รายงานว่า เพื่อนและคนรู้จักระบุว่า “ชัยภูมิ ป่าแส” หรือ “จะอุ๊” เป็นชาวลาหู่วัย 17 ปี

ถือบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน (บัตรเลข 0)

ขณะนี้ยังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม

ตั้งแต่เด็กเล็ก เข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มรักษ์ลาหู่ผลิตกิจกรรมศิลปวัฒนธรรม เช่น ดนตรี ภาพยนตร์

มีผลงานเพลงเพื่อคนไร้สัญชาติชื่อ “จงภูมิใจ”

เป็นทีมงานภาพยนตร์เรื่อง “เข็มขัดกับหวี” รางวัลช้างเผือกพิเศษดีเด่น เทศกาลภาพยนตร์สั้นครั้งที่ 16 จัดโดยมูลนิธิหนังไทย

เป็นทีมงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง “ทางเลือกของจะดอ” รางวัลชมเชย รัตน์ เปสตันยี จากเทศกาลเดียวกัน

เป็นหนึ่งในผู้รณรงค์เรียกร้องการแก้ปัญหาภาวะไร้สัญชาติของคนชาติพันธุ์

เคยให้สัมภาษณ์ว่า เติบโตมาในหมู่บ้านที่แวดล้อมด้วยปัญหายาเสพติด

การร่วมกิจกรรมกับกลุ่มรักษ์ลาหู่ได้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ห่างไกลจากสิ่งชั่วร้าย

ได้มีโอกาสเอาใจใส่เลี้ยงดูน้องชายและแม่มากขึ้น

11-12 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เพิ่งจะร่วมกับศิลปินญี่ปุ่นทำนิทานเพลงเรื่องขนมออฟุและตำนานภาษาลาหู่

แสดงในงาน ดี ต่อ ใจ ณ แพร่งภูธร

หมาดๆ เมื่อ 15 มีนาคม ชัยภูมิเข้าร่วมโครงการของมูลนิธิส่งเสริมเพื่อเด็กและเยาวชน สถาบันเด็กและเยาวชน (สสย.)

ในฐานะตัวแทนของ 19 ชนเผ่า

โดยกล่าวปาฐกถาว่า เด็กชนเผ่ามีปัญหาอยู่ 4 ด้าน คือ ด้านการศึกษา ด้านสถานะส่วนบุคคล ด้านการสื่อสาร และด้านความรู้

กลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ชายแดนส่วนใหญ่จะไม่ได้รับสถานะส่วนบุคคล

ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เช่น การเดินทางออกนอกพื้นที่ก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตทางอำเภอ

เวลาจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้สิทธิเหมือนคนไทย ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง

แรงจูงใจในการเรียนสูงๆ ก็ไม่มี เพราะจบมาสูงแค่ไหนก็ไม่สามารถทำงานราชการได้

เพราะไม่มีสถานะทางบุคคล

เมื่อมี “เรื่องเล่า” ที่ขัดแย้งกันสองชุด

ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้

ว่าอะไรคือ “ข้อเท็จจริง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image