| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
“Beauty and the Beast” ความรักทำให้เรามองเห็นสิ่งดีๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน
ปี 1991 แอนิเมชั่นเพลงเรื่อง “Beauty and the Beast” ของวอลท์ ดิสนีย์ ซึ่งดัดแปลงจากเทพนิยายพาฝันภาษาฝรั่งเศส เรื่อง La Belle et le Bete สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาให้เกิดขึ้นในวงการแอนิเมชั่น เริ่มตั้งแต่การเป็นหนังแอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปี 1991 ในสมัยที่หนังเข้ารอบออสการ์มีได้เพียงแค่ห้าเรื่อง
แม้จะไม่ได้รางวัลในสาขานี้ แต่ อลัน เมนเคน ผู้ประพันธ์ดนตรีและเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ ได้รางวัลออสการ์ถึงสองรางวัล จากสาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
และเพลง Beauty and the Beast ก็เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมชมชอบมาจนถึงปัจจุบัน
พอมีข่าวว่าดิสนีย์จะสร้าง Beauty and the Beast เป็นไลฟ์แอ็กชั่นที่ดัดแปลงจากแอนิเมชั่น โดยคงความเป็น “หนังมิวสิคัล” อยู่เช่นเดิม จึงมีการจับตามองว่า จะสามารถสร้างความประทับใจได้เท่าฉบับแอนิเมชั่นหรือไม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีหนัง Beauty and the Beast ที่ใช้ดาราแสดงมาแล้ว เช่น ผลงานกำกับของ คริสตอฟ กานส์ ปี 2014 มี วินเซนต์ แคสเซล เป็นเจ้าชายอสูร และมี เลอา เซย์ดูซ์ รับบทแบลล์
หนัง Beauty and the Beast ของค่ายดิสนีย์ มีมนตร์เสน่ห์ที่เสียงเพลง ถึงขนาดมีการนำมาถ่ายทอดในรูปแบบละครเพลงบนเวที โดยเปิดการแสดงที่เวทีบรอดเวย์ยาวนานถึงสิบกว่าปี ในฉบับคนแสดงปี 2017 ยังคงได้ อลัน เมนเคน ทำหน้าที่ประพันธ์และเรียบเรียงเพลง มีเพลงไพเราะกว่า 20 เพลง ทั้งบทเพลงออริจินัลจากแอนิเมชั่น และเพลงใหม่ที่เขาและ ทิม ไรซ์ แต่งขึ้นสามเพลง
ซิลีน ดิออน เจ้าของรางวัลแกรมมี่ 5 รางวัล ที่เคยร้องเพลง Beauty and the Beast ในเวอร์ชั่นการ์ตูนกลับมาร้องเพลง How Does A Moment Last Forever เพลงใหม่ที่แสนจะไพเราะจนต้องจับตามองว่า จะมีเพลงนี้ในเวทีชิงออสการ์ปี 2018 หรือไม่
บิล คอนดอน ทำหน้าที่ผู้กำกับ ผลงานที่นักดูหนังรู้จักได้แก่ Twilight – Breaking Dawn ภาค 1 และ 2 Dream Girl (2006) หนังเพลงเรื่องราวนักร้องสาวผิวดำ ที่คว้าออสการ์ นักแสดงสมทบหญิงและกำกับเสียงยอดเยี่ยม รวมทั้งเป็นผู้เขียนบทหนัง Chicago หนังเพลงที่ได้รางวัลออสการ์ปี 2003
คอนดอน เลือกนักแสดงโดยให้ร้องเพลง Hakuna Matata จากหนัง The Lion King ซึ่ง เอ็มมา วัตสัน แม่มดสาวน้อยจากแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ได้รับบทแบลล์ไป
แบลล์มีความฝันอันยิ่งใหญ่ ชอบอ่านหนังสือ และกล้าหาญ ผู้กำกับได้เพิ่มความเป็นเฟมินิสต์และความเฉลียวฉลาดในตัวเธอให้มากขึ้น ขนาดสร้างเครื่องซักผ้าได้ เพื่อจะเอาเวลาไปอ่านหนังสือ พลังเสียงเอ็มม่าไม่ใช่ระดับนักร้องอาชีพ แต่เสียงใสน่าฟัง และเป็นแบลล์ที่น่ารักมากๆ
พระเอกของเรื่องคือ แดน สตีเวนส์ จากซีรีย์เรื่อง Downton Abbey สตีเวนส์หล่อ แต่ปรากฏตัวแค่ต้นเรื่องและตอนท้าย นอกนั้นอยู่ในร่าง CGI ที่น่าเกรงขามของ The Beast ซึ่งสร้างได้กลมกลืนกับการแสดงออก ที่มีอารมณ์ทั้งแบบมนุษย์และสัตว์ป่า
แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่า ลุค อีแวนส์ ในบท แก๊สตอง ตัวร้ายของเรื่อง มีการแสดงที่น่าจดจำกว่า อีแวนส์ผ่านการแสดงหลายบท ตั้งแต่พระเอกแบบ Dracula Untold และตัวร้ายจัดในหนัง Fast and Furious 6 ในบทแก๊สตองชายหลงตัวเองที่หลงรักแบลล์ เขาหล่อและมีเส่น่ห์แบบกวนๆ จนไม่แปลกที่หญิงสาวเกือบทั้งหมู่บ้านอยากได้เขาเป็นคู่ครอง
ตัวละครที่สร้างความสนุกสนานและเพิ่มอรรถรส แต่ปรากฏแค่เสียงได้แก่ ตัวละครที่แสดงเป็นเครื่องเรือนและเครื่องใช้ต่างๆ
ซึ่งได้นักแสดงทั้งระดับรางวัลออสการ์ เอ็มมา ธอมป์สัน เป็นคุณนายพ็อตส์ (กาน้ำชา) และนักแสดงที่เคยได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ เช่น เอียน แม็คเคลเลน เป็น ค็อกส์เวิร์ธ (นาฬิกาตั้งโต๊ะ) ยวน แม็คเกรเกอร์ ในบท ลูเมียร์ (เชิงเทียน) ในเรื่องนี้เขาต้องพูดภาษาอังกฤษสำเนียงฝรั่งเศส ที่ดูมีชีวิตชีวาและสร้างสีสันให้กับเรื่อง จนรู้สึกเสียดายที่เขาปรากฏตัวในหนังน้อยเกินไป ผู้ชมจะได้ฟังเขาร้องเพลง Be My Guest ซึ่งทำให้หวนคิดถึงความประทับใจที่เขาเคยฝากไว้ในหนังเพลง Moulin Rouge
Beauty and the Beast เป็นหนังที่ทำให้ความทรงจำในวัยเด็กกลับคืนมา แม้จะรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ยังคงดูสนุก ให้อารมณ์ที่ต่างจากดูหนังการ์ตูน
ฉากที่สร้างขึ้นมา ตั้งแต่หมู่บ้านเล็กๆ ที่แบลล์อาศัยมีความสมจริง ปราสาทอสูรทั้งงดงามและน่ากลัว เป็นงานสร้างที่ละเอียดมาก ทั้งเครื่องประดับ โคมไฟ ราวบันได ลายพื้นกระเบื้อง รวมทั้งเสื้อผ้าที่ตัวละครสวมใส่ก็รังสรรค์ได้อย่างวิจิตรงดงาม เป็นหนังที่ดูแล้วมีความสุข ยิ่งใหญ่อลังการ เพลงก็แสนจะไพเราะ
บทสรุปของความรัก อาจไม่ใช่แค่ทำให้คนตาบอด แต่ทำให้คนที่อยู่ในความรัก มองทะลุผ่านความน่าเกลียดน่ากลัว ไปเห็นจิตใจดีๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน
