เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ต.อ.ทินกร ณัฏฐมั่งคั่ง รอง ผบก.จร. เปิดเผยว่า สำหรับการเข้มงวดกวดขันตรวจจับผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัยนั้น ขณะนี้ในช่วงเดือนมีนาคมถึงวันที่ 4 เมษายน จะใช้วิธีการตักเตือนและแนะนำเป็นหลัก แต่หลังวันที่ 5 เมษายน จะเริ่มกวดขันจับกุม บังคับใช้กฎหมายทันที โดยจุดประสงค์หลักเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเอง ทั้งนี้ ปัจจุบันรถส่วนใหญ่จะมีเข็มขัดนิรภัย เพราะเป็นรถที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแล้ว หากรถรุ่นเก่าที่ยังไม่มีเข็มขัดนิรภัย แสดงว่ายังไม่ได้จดทะเบียน ตำรวจจะแนะนำว่ากล่าวตักเตือนต่อไป
พ.ต.อ.ทินกรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในส่วนของรถตู้โดยสาร 13 ที่นั่งนั้น ทาง บก.จร.มีการตรวจจับความเร็วอยู่เสมอ โดยพื้นที่รับผิดชอบอยู่บนทางด่วน มีข้อกำหนดให้ขับรถได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. หากขับบนมอเตอร์เวย์สามารถทำความเร็วเพิ่มได้เป็น 120 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเทศกาลสงกรานต์ที่มีการประกาศห้ามโดยสารท้ายกระบะและสาดน้ำใส่กันนั้น เป็นการดูแลด้านความปลอดภัยของประชาชน เนื่องจากเทศกาลทุกปีมักจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง นำมาซึ่งความสูญเสีย จึงต้องกำหนดข้อห้ามขึ้น โดยกำหนดทั้งส่วนท้ายกระบะ และรถกระบะที่ทำหลังคาก็ไม่สามารถยืนเล่นน้ำได้ แต่ทั้งนี้ทางโฆษกรัฐบาลได้ออกมาแถลงข่าวว่าอาจจะอนุโลมได้ในกรณีที่มีเล่นน้ำในเมือง ในตลาด หรือในชุมชน ที่รถไม่ได้ทำความเร็วมาก แต่หากเป็นการเดินทางระหว่างเส้นทางออกนอกพื้นที่นั้นไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุได้
