“พยัคฆ์ไพร”จ่อตัดสายเคเบิลสลิงเขายายดา จ.ระยองไม่ต้องรอครบกำหนดรื้อถอน ปิดตำนานทัวร์ห้อยโหนยาวสุดในเอเชีย ป้องกันบริษัททัวร์ลอบนำนักท่องเที่ยวมาเล่น ซัดผิดกฎหมาย ทส.ไม่อนุญาตให้ก่อสร้างแต่เปิดบริการมาเกือบ 10 ปี เจ้าของร้องศูนย์ดำรงธรรมโวยลงทุนไป 20 ล้าน อ้างอบจ.ระยองเดินเรื่องให้
จากกรณีกรมป่าไม้เตรียมใช้มาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 เข้าดำเนินการรื้อถอนเคเบิลสลิง ความยาว 1,691 ม.ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากะเฉด-เพ-แกลง บริเวณป่าเขายาดา บ้านบ่อหิน หมุ่ที่ 14 ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง โดยขีดเส้นให้เจ้าของรื้อถอนเองภายใน 30 วัน ซึ่งเคเบิลสลิงดังกล่าวมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติร่วมทุนกับชาวไทย โดยอ้างว่าเป็นกิจกรรมทัวร์โหนสลิงกลางป่าที่ยาวที่สุดในเอเชีย และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมมาเล่นกิจกรรมโหนสลิงจำนวนมากนั้น
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบบริเวณจุดให้บริการเคเบิลสลิง บริเวณป่าเขายายดา หมู่ที่ 14 ต.ตะพง ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างป่า สงวนฯ และป่าชุมชน มีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ลุ่มน้ำชั้น 1 โดยมีการเปลี่ยนสภาพพื้นที่ทำถนนเทคอนกรีตขึ้นเขาระยะทางประมาณ 800 ม. เพื่อให้รถขับเคลื่อนสี่ล้อขึ้นไปส่งนักท่องเที่ยวยังฐานต่างๆ พร้อมทำบันไดเทปูนสำหรับเดินเท้าขึ้นไปยังจุดต่างๆ อีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ปิดประกาศตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ.ป่าไม้ ให้เจ้าของรื้อถอนภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 20 เม.ย.นี้ ทั้งนี้ได้มีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่จำนวนหนึ่ง ที่อ้างว่าได้ประโยชน์จากกิจกรรมเคเบิลสลิง เข้ายื่นหนังสือต่อนายอรรถพล เพื่อขอให้ทบทวนการื้อถอนเคเบิลสลิง เพราะสร้างรายได้ให้กับชุมชน และพื้นที่ป่าชุมชน ซึ่งนายอรรถพลระบุว่าจะเปิดเวทีรับฟังความเห็นชาวบ้านอีกครั้ง
นายอรรถพล กล่าวว่า เคเบิลสลิงดังกล่าวเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2552 โดยตั้งอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างป่าชุมชนกับป่าสงวนฯ หลังจากปิดประกาศให้รื้อถอนตามมาตรา 25 แล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ติดต่อเจ้าของเพื่อมารื้อถอนออกไปเอง หากไม่ยอมรื้อถอน เจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการรื้อถอนให้ โดยต้องมีการคิดค่ารื้อถอน ซึ่งคาดว่าเป็นจำนวนหลักแสนบาท เนื่องจากต้องหาช่างมาถอนการติดตั้งเคเบิลสลิงขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังไม่ทราบว่าจะรื้อถอนอย่างไร และเกรงจะกระทบต่อต้นไม้ใหญ่เพราะมีการก่อสร้างหอและขึงสลึงอยู่เกือบถึงเรือนยอดไม้ อาจเป็นอันตรายทั้งต่อเจ้าหน้าที่และทำให้ต้นไม้ล้มได้ อย่างไรก็ตามจะให้เจ้าหน้าที่พยายามถอดสายเคเบิลสลิงบางส่วนออกก่อน โดยไม่ต้องรอการรื้อถอนทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำทัวร์เข้ามาโหนสลิงได้ในระหว่างรอการรื้อถอนตามมาตรา 25 ทั้งนี้กรมจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเสียหายของพื้นที่ทั้งหมดเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อสภาพแวดล้อมจากเจ้าของเคเบิลสลิงด้วย ทั้งนี้ตาม ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ 2559 ซึ่งเป็นฉบับใหม่ มีโทษในเรื่องการสร้างความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมสูงสุด คือ จำคุก 20 ปี ปรับสูงสุด 2 ล้านบาท
ด้านนายชีวะภาพ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเคเบิลสลิงเป็นของบริษัทเคเบิล ไรด์ส เอเซีย ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติสัญชาติรัสเซีย และอเมริกัน ดำเนินการร่วมกับคนไทย โดยมีการขออนุญาตดำเนินการผ่าน อบจ.ระยอง และอบจ.ระยองทำเรื่องขออนุญาตมาที่กระทรวงทรัพยากรฯ ซึ่งกระทรวงได้ตอบกลับไปแล้วตั้งแต่ปี 2554 ว่าไม่อนุญาตให้ดำเนินการ จากนั้น อบจ.ก็ได้ถอนเรื่องการขออนุญาตออกไป แต่บริษัทดังกล่าวก่อสร้างจนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2552 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ถูกจับกุมดำเนินคดีมา 2 ครั้งแต่ก็ไม่หยุดดำเนินการ โดยล่าสุดเมื่อปลายปี 2559 บริษัทเคเบิ้ล ไรด์ส มีการทำหนังสือร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ระยอง ว่าบริษัทได้รับการชี้นำจากอดีตสมาชิก อบจ.ระยองรายหนึ่งในขณะนั้น ให้ลงทุนทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ในเขตป่าสงวนฯ จึงได้ลงทุนโดยใช้งบประมาณถึง 20 ล้านบาท ที่สำคัญเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชน การรื้อถอนจึงทำให้บริษัทเสียหายและส่งผลกระทบต่อรายได้ของชุมชน อย่างไรก็ตามเวลานี้ในพื้นที่มีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้านกิจกรรมห้อยโหนสลิง โดยฝ่ายที่คัดค้านระบุว่ากิจกรรมดังกล่าวรบกวนธรรมชาติจากผลกระทบทางเสียงของรอกโหนสลิง และรถยนต์ที่เข้าออกพื้นที่ ซึ่งกระทบต่อประชาชนโดยรอบและสัตว์ป่าในพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้พื้นที่เขายายดาเคยมีหมีอาศัยอยู่ แต่วันนี้ไม่มีใครพบเห็นแล้ว ทั้งนี้ในส่วนของกรมป่าไม้ต้องเร่งชี้แจงว่าเราต้องดำเนินการตามกฎหมายคือต้องรื้อถอนเคเบิลสลิงทั้งหมดออกจากพื้นที่ เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างแต่แรก พร้อมดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
