‘เรืองไกร’ บุกยื่น’สรรพากร’ 27 มี.ค. เตือนยุติการเก็บภาษี’ทักษิณ’

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) และในฐานะหนึ่งในตัวแทนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการติดตามกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหลายฝ่ายมีความพยายามจะเรียกร้องและกดดันให้กรมสรรพากรทำการประเมินและเรียกเก็บภาษีจากอดีตนายกฯทักษิณ จำนวนเงินกว่า 1.6 หมื่นล้านบาทนั้น ฝ่ายที่พยายามกดดันจะให้มีการเรียกเก็บภาษีได้ยกข้อกฎหมายจากประมวลรัษฎากรและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หลายมาตรามาเป็นข้ออ้างอิง สรุปคือ จะต้องเรียกเก็บภาษีประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ให้ทันอายุความ 10 ปี โดยอ้างอภินิหารทางกฎหมายว่านายทักษิณเป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินจากการซื้อหุ้นแอมเพิลริช เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2549 และเรื่องนี้เคยออกหนังสือประเมินไปที่นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทาเพื่อเรียกเก็บภาษีไปแล้ว ดังนั้น จึงถือว่าหนังสือที่เรียกประเมินดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นหนังสือที่เรียกประเมินไปที่อดีตนายกฯทักษิณด้วยเช่นกัน และอายุความในการเรียกเก็บภาษีจะครบกำหนดในวันที่ 31 มีนาคม 2560 นี้

นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาหนังสือประเมินที่กล่าวอ้างกันตลอดมา พบว่ามีหนังสือประเมินเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวอยู่สองช่วงเวลา รวม 4 ฉบับ โดย 2 ฉบับแรกกรมสรรพากรยกเลิกตามข้อเสนอของ คตส. และใช้ 2 ฉบับหลังทำการประเมิน ซึ่งมีการอุทธรณ์คัดค้าน ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นด้วยกับการประเมินจึงให้ยกอุทธรณ์ เป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องที่ศาลภาษีกลางตามมา แต่เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ศาลฎีกาพิพากษาให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ทำให้ศาลภาษีกลางมีคำพิพากษาตัดสินเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553 พอสรุปได้ว่า เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าหุ้นชินคอร์ปที่ขายให้เทมาเส็กยังคงเป็นของนายทักษิณและคู่สมรส ดังนั้น การเรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา จึงไม่ชอบให้เพิกถอนการประเมิน

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องแล้ว จะเห็นได้ว่า แม้จะมีความพยายามที่จะเก็บภาษีจากนายทักษิณตามมาอีกนั้น หากดูจากเอกสารราชการที่เกี่ยวข้องจะเห็นได้หลายประเด็นว่าทำไม่ได้เลย เช่น ประเภทเงินได้ตามมาตรา 40, ศาลพิพากษาเพิกถอนการประเมิน, อายุความเลยกำหนด 10 ปี เป็นต้น ทั้งนี้ จะนำกรณีที่พบไปแจ้งเตือนอธิบดีกรมสรรพากรเพื่อให้พิจารณายุติการประเมินภาษีจากกรณีดังกล่าวนี้โดยทันที พร้อมทั้งนำเอกสารราชการที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงเหตุผลให้ทราบด้วย อย่างไรก็ตาม จะไปยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากรด้วยตนเอง โดยจะนำพยานหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารราชการที่เกี่ยวข้องไปยืนยันด้วย ในวันที่ 27 มีนาคม เวลา 10.30 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image