มหัศจรรย์… โตรกผาจินเตาเสีย UNSEEN แห่ง..ฉงชิ่ง

“โอ๊ย”

เสียงร้องอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น หลังเกิดเสียงดังเหมือนมีของบางสิ่งชนเข้ากับก้อนหินอย่างแรง…

พอหันหลังกลับไปมองตรงจุดที่มีเสียงร้องดังขึ้น ก็พบว่า “พี่” ที่ร่วมคณะคนหนึ่ง ร่วงลงไปนั่งอยู่กับพื้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ยกมือคลำบริเวณหัวที่สวมหมวกกันน็อกเอาไว้ โดยมีพี่ๆ และน้องๆ ร่วมคณะที่เดินตามมา 2-3 คน พุ่งตรงเข้าไปดูด้วยความตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

Advertisement

หลังตั้งหลักกันได้ จึงเห็นว่าสาเหตุที่ทำให้พี่คนดังกล่าวลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น เพราะไม่ทันได้ระวังขณะที่เดินไปตามเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามภูเขาใน “โตรกผาจินเตาเสีย” ทำให้ศีรษะชนเข้ากับหินที่ย้อยลงมา ซึ่งอยู่เหนือทางเดินด้านบน และด้วยความที่ไม่ทันระวังตัว ทำให้เจ้าตัวหงายหลังลงไปนั่งอยู่กับพื้นแทบจะในทันทีที่รู้สึกว่าศีรษะชนเข้ากับอะไรซักอย่าง…

ที่สำคัญคือ ทำให้พวกเราในคณะได้ “คำตอบ” แทบจะในทันที ว่าทำไมเจ้าหน้าที่จึงบังคับให้นักท่องเที่ยวทุกคนใส่ “หมวกกันน็อก” ก่อนที่จะปล่อยให้เดินสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติในเส้นทางนี้

Advertisement

ต้องบอกว่าที่พวกเราทั้งคณะ มีโอกาสเดินทางมาชื่นชมธรรมชาติอันงดงาม ทั้งภูเขาสูง หน้าผาชัน น้ำที่ใสจนเห็นปลาแหวกว่ายไปมา และได้สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด ต้องยกความชอบให้ทาง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และ อาศรมสยาม-จีนวิทยา สมาคมปัญญาภิวัฒน์ ที่นำทีมโดย พี่แดง-บัญญัติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ฯ, อาจารย์ประสิทธิ์ ฉกาจธรรม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส อาศรมสยามฯ และ รศ.วรศักดิ์ มหัทธโนบล ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้เสาะหา และพาพวกเราไปยังสถานที่ที่เป็น “UNSEEN” ของสาธารณรัฐประชาชนจีน จริงๆ

เนื่องจากโตรกผาจินเตาเสีย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แม้แต่ในหมู่คนจีนด้วยกันเอง และไม่เป็นที่รู้จักเลยในหมู่คนไทย…

เพราะเมื่อ “จั่นเจา” ไกด์ประจำคณะที่รูปร่างหน้าตา และลีลาการพูดที่ดูคล้ายๆ อดีตนักเล่าข่าวชื่อดังของไทย ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ของโตรกผาจินเตาเสีย ว่าจะมีคณะคนไทยประมาณ 20 คน จะซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าว

ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ชาวจีนได้ถามย้ำด้วยความแปลกใจอีกครั้งว่า “นักท่องเที่ยวไทยหรือ?” เมื่อได้รับการยืนยันว่าเป็น “คนไทย” เจ้าหน้าที่จึงแจ้งว่า “กรุ๊ปคนไทยของเรา เป็นนักท่องเที่ยวไทยกลุ่มแรกที่เดินทางมายังโตรกผาจินเตาเสียแห่งนี้”

ทำเอาพวกเราชาวคณะถึงกับยิ้มแก้มปริด้วยความภาคภูมิใจ ที่จะได้เป็นคนไทยกลุ่มแรกที่ “พิชิต” โตรกผาจินเตาเสีย..แห่งนี้!!

“โตรกผาจินเตา” หรือที่เรียกติดปากว่า “โตรกผาจินเตาเสีย” ซึ่งเรียกตามสถานที่ตั้ง ที่อยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาหัวหยิง ตำบลจินเตาเสีย เขตเป่ยเป้ย ห่างจากใจกลางเมืองฉงชิ่งไป 90 กิโลเมตร และสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 880 เมตร มีเส้นทางการเดินชมธรรมชาติยาวประมาณ 10 กิโลเมตร แต่มีการสร้างทางเดินเป็นสะพานไม้ บวกกับการเจาะด้านข้างภูเขาหินเพื่อทำทางเดิน เพื่อเป็นเส้นทางหลักให้นักท่องเที่ยวใช้เดินทางลัดเลาะไปตามช่องเขาที่คดเคี้ยว จากเชิงเขาไปถึงยอดเขา ระยะทางยาวประมาณ 7 กิโลเมตร โดยไม่เป็นอันตราย และยังไม่ทำลายความงดงามของธรรมชาติอีกด้วย

โตรกผาจินเตาเสีย มีความหมายว่า “โตรกผาดาบทองคำ” ตามตำนานเล่าว่า ช่วงปลายราชวงศ์หยวน ซึ่งปกครองโดยชาวมองโกล มีชายชื่อว่า “จางคุน” อาศัยอยู่เชิงเขาหัวหยิง ทุกวันจางคุนจะเข้าป่าไปตัดฟืน วันหนึ่งจางคุนเดินหลงทาง ระหว่างที่กำลังเดินวนเพื่อหาทางออก บังเอิญเจอเข้ากับดาบทองคำที่ส่องแสงเป็นประกายกลางช่องเขา จึงนำดาบกลับบ้านด้วยจิตใจฮึกเหิม

จางคุน จึงเริ่มฝึกฝนการต่อสู้อย่างจริงจังจนเชี่ยวชาญในเพลงดาบ จากนั้นได้เข้าร่วมกับโจรป่า ก่อนจะตั้งตนเป็นหัวหน้าโจร และออกปล้นจนรวยเพื่อช่วยคนจน จนมีชื่อเสียงโจษจันไปทั่ว

จากนั้นไม่นาน แผ่นดินหยวนเกิดกบฏขึ้นทุกหัวระแหง หนึ่งในนั้นคือ “หมิงอวี้เจิน” จึงรวบรวมไพร่พล และตั้งกองทัพต่อสู้อยู่ที่เมืองฉงชิ่ง และจางคุนได้เข้าร่วมกับกองทัพของหมิงอวี้เจิน ด้วยฝีมือที่ไม่เป็นรองใคร ทำให้จางคุนได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่ และมีสมญานามว่า “แม่ทัพจางดาบทองคำ” โดยจางคุนนำทัพออกรบหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดก็ล้มราชวงศ์หยวนลงได้

ชาวบ้านจึงเรียกช่องเขาที่จางคุนเจอดาบทองคำคู่ใจว่า “โตรกผาดาบทองคำ”

ความพิเศษของโตรกผาแห่งนี้ คือเป็นแหล่งรวมความงามทางธรรมชาติไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งหน้าผาที่มีรูปร่างแปลกตา อย่าง “ผาเทพอินทรีลงสรง” และ “ผาเศียรราชสีห์” หรือจุดชมวิวที่เลื่องชื่ออย่าง “ระเบียงสะพรึงขวัญ” และ “ระเบียงเหล่าจวินร่ำสุรา” นอกจากนี้ ยังมี “น้ำตกเสียดฟ้า” และ “ถ้ำซ่อนดาบ” ที่ภายในเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปทรงพิสดาร และว่ากันว่าเป็นจุดที่จางคุนเจอดาบทองคำ

นอกจากธรรมชาติที่งดงามแล้ว โตรกผาจินเตาเสียยังมีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า เช่น “วัดถ่าผิง” สมัยราชวงศ์ซ่ง และ “ซุ้มประตูทานโข่ว” ที่ ส่งเสริมค่านิยมซื่อสัตย์ต่อสามีของหญิงม่ายในสมัยราชวงศ์ชิง เป็นต้น

สำหรับเส้นทางที่คณะจะใช้เดินจากยอดเขาลงไปยังเชิงเขา ซึ่งมีระยะทางถึง 7 กิโลเมตร ก็ถือว่าไม่ลำบากมากนักเมื่อเดินโดยใช้เส้นทางหลักที่ถูกสร้างขึ้นให้ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ หลังจากพวกเราอาศัยกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนยอด เพื่อออมแรงเอาไว้สำหรับขาลง

แม้เส้นทางจะไม่ลำบากมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะสะดวกสบายเสียทีเดียว เพราะหากใครที่ไม่นิยมชมชอบการ “เดินเท้า” เท่าไหร่ ก็อาจจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า และอาจหกคะเมนตีลังกาได้ ถ้าไม่ระวัง

เพราะนอกจากเส้นทางจะเลี้ยวลดคดเคี้ยวแล้ว น้ำที่ไหลลงมาตามโตรกผา ทำให้ทางเดินค่อนข้างลื่น โดยเฉพาะทางเดินในช่วงที่เจาะเข้าไปในภูเขาจะขรุขระ ทั้งบริเวณพื้น และทางเหนือศีรษะ ซึ่งจะมีช่วงสูงๆ ต่ำๆ บางช่วงต้องย่อตัวลงต่ำถึงจะผ่านไปได้ ฉะนั้น ถ้าไม่ระมัดระวังเป็นพิเศษ โอกาสที่ศีรษะจะชนเพดาน และล้มลงไปกองกับพื้นก็มีสูง

ซึ่งในคณะมีหลายคนที่มาเล่าสู่กันฟังในภายหลัง ว่าล้มเพราะทางเดินลื่น และหัวโขกหินด้านบนเพดานจนหัวทิ่มหัวตำ

แต่ด้วยความที่บรรยากาศตลอด 2 ข้างทางของโตรกผาจินเตาเสีย เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยสดงดงาม ทั้งแมกไม้ที่เขียวชอุ่ม ทำให้บรรยากาศร่มรื่น สร้างความเย็นสบายทั้งกาย และใจ ช่วยขับไล่ความเหน็ดเหนื่อยได้อย่างดี

บวกกับสายน้ำใสเย็นที่ไหลผ่านโตรกผา บางช่วงค่อยๆ ไหลเอื่อยๆ เหมือนจะให้เราได้มีช่วงจังหวะที่ผ่อนคลาย และบางช่วงก็ไหลกระแทกกระทั้นผ่านช่องแคบๆ คล้ายจะกระตุ้นให้เรามีแรงเดินต่อไป

แต่ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจคือ สายน้ำในบางช่วงกลายเป็น “สีเขียวมรกต” และบางช่วงเป็น “สีฟ้าสดใส” ทำเอาจินตนาการบรรเจิดว่าพวกเรากำลังเดินอยู่ท่ามกลางสรวงสวรรค์ (บนดิน)

แม้สภาพของพวกเราหลายๆ คนในคณะ จะค่อนข้างอ่อนล้าจากการเดินเท้าเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร แต่ทุกคนก็มีความ “สุขใจ” ที่ได้ใช้เวลาใกล้ชิดกับธรรมชาติ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม…

และนับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของพวกเรา ในฐานะ “คนไทย..กลุ่มแรก” ที่พิชิต “โตรกผาจินเตาเสีย” UNSEEN แห่งฉงชิ่ง!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image