บอย ปกรณ์-จอย รินลณี ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9 เชื่อ ปท.จะดีขึ้นถ้าทุกคนเดินตามรอยพระบาท

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 145 แม้ในวันนี้ฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ทว่าประชาชนจากทั่วสารทิศยังคงทยอยเดินทางมาต่อแถวอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

นางสาวรินลณี ศรีเพ็ญ พิธีกรและนักแสดงสังกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ทีวีสีช่อง 3 กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพถวายพระบรมศพด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณว่า นับตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตมีโอกาสกราบสักการะบริเวณรอบรั้ววังหลายครั้ง แต่เพิ่งมีโอกาสเข้ามาในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นครั้งแรก ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดี ที่ยังทันได้ดูข่าวพระราชสำนัก ยามที่พระองค์เสด็จฯเยี่ยมเยียนราษฎรยังพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร จนก่อเกิดเป็นโครงการพระราชดำริต่างๆ เห็นได้ชัดจากโครงการชลประทาน สร้างเขื่อน แก้ปัญหาน้ำแล้งเพื่อยังประโยชน์ให้กับประชากรซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรมได้มีน้ำใช้เพียงพอกับการเกษตร

“ในฐานะเกิดในแผ่นดินรัชกาลที่ 9 ได้น้อมนำคำสอนด้านเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตส่วนตัว และในแง่ของการทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ถ้าทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำประโยชน์แก่สังคม แค่เศษเสี้ยวของพระองค์เท่านั้น ก็เชื่อว่าประเทศเราจะน่าอยู่และเจริญขึ้นเรื่อยไป ตามที่พระองค์พระราชทานแนวทางให้คนไทยเอาไว้” นางสาวรินลณีกล่าว

ด้านนายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ นักแสดงสังกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ทีวีสีช่อง 3 เผยว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เข้ามากราบพระบรมศพ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำได้แค่มากราบจากด้านนอกกำแพงวังเท่านั้น วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ตนรอคอยมานาน และถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตเป็นวันที่มีเกียรติที่สุดในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง โดยตนนอกจากพยายามน้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ในการดำเนินชีวิตในหลายๆ เรื่องแล้ว ยังมีโอกาสได้เห็นตัวอย่างจากหลายๆ คนที่น้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้ในชีวิตจนเกิดเป็นความสุขอย่างยั่งยืน

Advertisement

“โดยอาชีพนักแสดง เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีโอกาสได้ไปทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้ได้รับทราบถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 มากมาย เช่น เวลาไปเจอกับกลุ่มคนในพื้นที่บางคนเคยเป็นคนเมือง แต่วันหนึ่งเขาได้นำคำสอนของพระองค์ไปปรับปรุงใช้ เมื่อตัวเองได้เห็นความเป็นอยู่ของคนเหล่านั้น ซึ่งเขาสามารถอยู่ได้ด้วยคำสอนของพระองค์จริงๆ ยอมรับว่ารู้สึกซาบซึ้งที่พระองค์เพียงพระองค์เดียว สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดรวมถึงเปลี่ยนแปลงชีวิตอีกหลายล้านคนให้สามารถดำเนินชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยความเป็นอยู่ไม่ต้องยึดติดกับความหรูหราฟู่ฟ่า แต่อยู่บนพื้นฐานของความพอเพียง มีความพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ผมได้เห็นแค่นี้ก็มีความสุขได้แล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ” นายปกรณ์กล่าว และว่า ตนเชื่อว่าความรู้สึกของตนเองไม่ต่างจากคนไทยทั้งประเทศ คือรักในสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงทำเพื่อคนไทยทุกคน ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้เราทุกคน

จตุพร พรหมพันธุ์

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ดำเนินรายการและผู้บริหารบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด เปิดเผยความรู้สึกภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพว่า เดิมทีทางสถานีโทรทัศน์พีชทีวีมีความตั้งใจอยากเข้าสักการะพระบรมศพภายหลังที่พระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสสักครั้ง ต่อมาขณะนั้นตนได้อยู่ในเรือนจำก็ได้ร่วมหารือกับคณะที่อยู่ข้างนอกเพื่อแสดงเจตจำนงเพื่อขอเป็นเจ้าภาพทันที ภายหลังที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ภาคเอกชนร่วมเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ ขณะที่อยู่ในเรือนจำพิเศษตนก็ได้มีโอกาสทำบุญตักบาตรถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึง 4 ครั้ง นับเป็นความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง

“วันนี้ถือได้ว่าเป็นการทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นคนไทย ซึ่งเป็นที่รู้ดีว่าคนไทยทุกคนรักพระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้นในฐานะพสกนิกรถือว่าได้ทำหน้าที่ร่วมไว้อาลัยไปพร้อมกับคนไทยทุกคน ส่วนสิ่งที่ประทับใจในพระองค์ คือ ผมเป็นเด็กวัดอยู่ในวัดบวรนิเวศราชวรวิหารมาตั้งแต่เด็ก ได้มีโอกาสเห็นพระองค์เสด็จฯมายังวัดบวรฯอยู่บ่อยครั้ง ตลอดจนได้เห็นพระองค์อิริยาบถในรูปแบบต่างๆ ครั้งหนึ่งที่จดจำได้มาตลอดคือ ขณะนั้นประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จ ซึ่งพระองค์กำลังเสด็จฯไปประทับที่รถยนต์พระที่นั่งแล้ว แต่มีประชาชนท่านหนึ่งได้เรียกพระองค์เพื่อขอยื่นฎีกา ขณะนั้นตนตกใจมากเพราะเห็นพระองค์เดินกลับมาแม้ได้ประทับลงที่รถยนต์พระที่นั่งแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นภาพของความงดงาม” นายจตุพรกล่าว

ครอบครัวชูประเสริฐ

ด้านประชาชน นางโชติกา ชูประเสริฐ เดินทางมาพร้อมสามี นายปฐมพงศ์ ชูประเสริฐ และ ด.ช.ธนภัทร-ด.ญ.ธัญภรณ์ ชูประเสริฐ บุตรชายวัย 13 ปี และบุตรสาววัย 10 ปี กล่าวภายหลังเข้าสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิหัวพลอดุลยเดช ว่า ทางครอบครัวได้เดินทางมาจาก อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) น้ำผัก โดยมาถึงบริเวณท้องสนามหลวงตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ สำหรับความรู้สึกในวันนี้ตนได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพพร้อมครอบครัวเป็นครั้งแรก ในฐานะที่เป็นคนไทยถือเป็นการแสดงออกถึงความอาลัยต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกันนี้ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม จึงได้นำลูกๆ มาร่วมชมบรรยากาศด้วยและตนได้บอกให้ลูกจดจำช่วงเวลานี้ไว้

“แม้จะไม่เคยรับเสด็จพระองค์ แต่วันนี้ได้มาเห็นพระบรมโกศ ตนรู้สึกปลาบปลื้มใจมากแล้ว ส่วนในเรื่องโครงการพระราชดำริและพระบรมราโชวาทก็ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำ คือ ความพอเพียง แม้เป็นหลักที่ใครๆ ก็พูดถึงมากแล้ว แต่ตนยังคงเชื่อว่าเป็นหลักปรัชญาที่สามารถนำมาใช้ได้จริง ซึ่งบ้านของตนก็ได้เดินตามรอยเท้าพ่อ ใช้ที่ดินขนาด 3 ไร่เศษ ปลูกทั้งผัก ขุดบ่อน้ำ เลี้ยงหมู-ไก่-ปลา ไปพร้อมกันก็ได้ผลผลิตเป็นอย่างดี ก็อยากให้คนไทยทำในส่วนนี้ ทำอย่างจริงจัง เพราะไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์เพื่อตัวเอง แต่ยังเป็นตัวอย่างให้ลูกหลานได้ด้วย” นางโชติกาเล่า

ส่วน ด.ญ.ธัญภรณ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “หนูก็รู้จักในหลวงรัชกาลที่ 9 เช่นกัน โรงเรียนก็สอนถึงโครงการพระราชดำริของในหลวงต่างๆ แล้วก็มีเปิดพระบรมราโชวาททุกเช้า หนูก็ได้ฟังก็รู้สึกดี แล้วก็เห็นในหลวงทำงานหนักมาก ทำให้หนูรักในหลวง ร.9 มากๆ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image