คอนเสิร์ตสนุกในบ้าน อนาคตครอบครัวเดียวกัน

“มติชนประชาชื่น” เคยรายงานเรื่องมูลนิธิฉือจี้ไต้หวันในประเทศไทยแก่สาธารณะแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน เป็นมูลนิธิสร้างสรรค์ประโยชน์กับสังคมอันน่าทึ่ง มีผู้เดินทางไปดูงานถึงที่แล้วไม่น้อย อาทิ หมอประเวศ วะสี กับนายแพทย์อีกหลายนาม พระไพศาล วิสาโล เขียนถึงอย่างนิยมยกย่อง ในงานบุญที่ผู้ปวารณาตัวเป็นอาสาสมัครขอบคุณบรรดาผู้ได้รับความช่วยเหลือ ว่าเป็นเหตุให้พวกตนมีโอกาสได้ทำกุศล

มูลนิธิฉือจี้เริ่มเมื่อธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน เข้าสมาทานศีลแต่ปี 2506 แล้วไปปฏิบัติธรรมที่เมืองฮวาเหลียน หลังหมู่บ้านเจียหมิง จากนั้นจึงก่อตั้งมูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันขึ้นในปี 2509 ดำเนินชีวิตด้วยการพึ่งพาตนเองโดยยึดหลัก “วันใดไม่ทำงาน วันนั้นไม่ขอฉันอาหาร”

เหตุที่ตั้งมูลนิธิขึ้น ก็หลังได้สนทนาธรรมกับแม่ชีคาทอลิกสามรูป จากโรงเรียนมัธยมไห่ซิง เมื่อแม่ชีได้กล่าวขึ้นก่อนกลับว่า “วันนี้ก็ได้เข้าใจแล้วว่า ความเมตตาของพระพุทธองค์นั้น ครอบคลุมถึงทุกสรรพชีวิตบนโลก ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ทว่าความรักของพระเจ้าแม้จะจำกัดอยู่แค่มวลมนุษยชาติ แต่พวกเราได้สร้างโบสถ์ สร้างโรงพยาบาล ดูแลสถานสงเคราะห์คนชรา ได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมนานัปการ แล้วพุทธศาสนาเล่า ได้อุทิศสิ่งใดเพื่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรมบ้าง”

ธรรมาจารย์ฟังแล้วอ้ำอึ้ง มิรู้จะตอบประการใด เนื่องจากพุทธศาสนิกชนส่วนมากมักปิดทองหลังพระ ต่างคนต่างทำบุญ ทำแล้วก็ไม่ต้องการออกนาม จึงตัดสินใจตั้งองค์กรการกุศลขึ้น สงเคราะห์คนยากไร้เป็นปฐม จากนั้นจึงเกิดโรงเรียน โรงพยาบาล แพทย์อาสาฉือจี้นานาชาติ ขยายโรงเรียนไปต่างประเทศ จนมาถึงประเทศไทย มีกิจกรรมการกุศลนานารูปแบบ ช่วยเหลือผู้คนอย่างกว้างขวาง

Advertisement

นานที มูลนิธิจะจัดคอนเสิร์ตในหมู่คนครอบครัวเดียวกัน เพื่อร่วมพบปะและรับบริจาค เปิดโอกาสให้ผู้คนได้ทำกุศลแก่บุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือ

ปีนี้ มูลนิธิใช้หอประชุมสวนลุม ไนท์ บาซาร์ แยกลาดพร้าวตัดรัชดา เปิดคอนเสิร์ต “ต้นกล้าแห่งความหวัง” เมื่อบ่ายวันเสาร์ 18 มีนาคมที่ผ่านมา มีนักร้องกลุ่มเพื่อนรักสมัครมาให้ความหรรษา โดยเฉพาะพิธีกรอารมณ์ดีที่ทำให้งานดำเนินไปอย่างครื้นเครงต่อเนื่อง สัญญา คุณากร หนึ่งในพิธีกรชื่อดังไม่กี่คนซึ่งมักเห็นได้ในงานกุศลที่ไม่มีค่าตัว

ที่ว่าเป็นคอนเสิร์ตครื้นเครงในครอบครัวเดียวกัน ก็คือความน่ารักน่าเอ็นดูระหว่างนักร้องผู้ให้ความสำราญ กับผู้ชมส่วนใหญ่สูงอายุที่นำลูกหลานตั้งแต่เด็กเล็กจนหนุ่มสาวไปร่วม ร้องไปมอบดอกไม้กันไปถ่ายรูปกันไปเซลฟี่กันไป ให้ผู้ชมร้องบ้าง เฮฮากันตั้งแต่เริ่มบ่ายโมงจนสี่โมงเย็นผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

นนทิยา จิวบางป่า มากับเพลงจีนไพเราะก่อนจะชักชวนผู้สูงอายุกระโดดโลดเต้นกับเพลงสุดท้ายของเธอ ปรบมือคึกคักกันลั่นหอประชุม พอวิยะดา โกมารกุล ณ นคร ออกมาเปลี่ยนโพยเพลงเอาดื้อๆ ด้วย “ขอใจแลกเบอร์โทร” ให้เหล่าผู้สูงวัยขย่มเขย่าหอประชุมกันเอวเคล็ด บรรดานักร้องที่จะตามมาข้างหลังเลยเดือดร้อน ต้องเปลี่ยนเพลงกันปัจจุบันทันด่วน วุ่นไปถึงนักดนตรีทั้งวงที่ต่างเตรียมเพลงกันมาว่าผู้ชมทั้งหลายรวมอายุกันแล้วนับแสนปี ต้องเพลงเย็นๆ ช้าๆ เพลิดเพลินเจริญใจ เลยพากันพลิกโผไปหมด เพราะล้วนเป็นผู้ชมที่สังขารไม่ไหวแต่ใจสู้กันทั้งนั้น

สุชาติ ชวางกูร มากับเพลงไพเราะที่แทบทุกคนรู้จัก เช่นเดียวกับ อุเทน พรหมมินทร์ เขยเล็กกรรมการมูลนิธิผู้คร่ำหวอดในเครื่องมือถ่ายทอดสื่อสารวงการโทรทัศน์ ยงเกียรติ เกียรติเสริมสกุล ก่อนปิดรายการด้วย สุทธิพงษ์ วัฒนจัง ซึ่งมากับเพลงประกอบละครตามความต้องการผู้ชม

นักร้องทั้งห้าต่างเป็นขวัญใจผู้ชม แต่ละคนมีแถวยาวต่อท้ายถ่ายรูปหน้าเวที กระทั่งพิธีกรก็ยังมีแฟนคลับกลุ้มรุมขอถ่ายด้วยไม่เลือกวัย

เป็นคอนเสิร์ตแห่งการให้ ที่แต่ละคนแม้จะต่างที่มา ก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างอบอุ่นน่าชื่นใจ

รายได้ทั้งหมด ไม่ว่าค่าบัตรเข้าชม ค่าดอกไม้มอบนักร้องพิธีกร ค่าขนมอร่อยที่นำมาขาย หรือค่าใบชาจีนกับข้าวของชำร่วยหลากหลายน่าหยิบจับ ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ นำไปใช้เป็นทุนการศึกษาเด็กนักเรียน และช่วยเหลือผู้ยากไร้ประสบภัยนานาทั้งสิ้น

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image