คอลัมน์ People In Focus: อเลฮานโดร คาสโตร เอสปิน ผู้อยู่เบื้องหลังคืนสัมพันธ์คิวบา-สหรัฐ

อเลฮานโดร คาสโตร เอสปิน นายทหารระดับผู้บัญชาการในกระทรวงกิจการภายในคิวบา วัย 51 ปี เป็นลูกชายคนเดียวในบรรดาพี่น้อง 4 คน ของ ฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา กับ วิลมา เอสปิน อดีตนักปฏิวัติหญิงที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2550

คาสโตร เอสปิน เคยเข้าร่วมกับกองทัพคิวบาสู้ศึกในสงครามกลางเมืองประเทศแองโกลา แม้คาสโตร เอสปิน จะไม่ได้ร่วมรบในแนวหน้า แต่อุบัติเหตุที่ “กรุงลูอันดา” ส่งผลให้คาสโตร เอสปิน ต้องสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง และถูกเรียกโดยคู่ขัดแย้งทางการเมืองว่า “เอล ตูแอร์โต” หรือ “นายตาเดียว”

คาสโตร เอสปิน เรียนจบด้านวิศวกรรมศาสตร์ จบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้าน “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” และยังเชี่ยวชาญด้านกลาโหมและความมั่นคงด้วย

นับตั้งแต่ ราอูล คาสโตร ผู้พ่อ ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำคิวบา ต่อจากฟิเดล คาสโตร พี่ชาย คาสโตร เอสปิน ได้กลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผู้นำคิวบา มีส่วนในกิจกรรมทางการเมืองของรัฐบาล และการเดินทางเยือนต่างประเทศของผู้นำคิวบาโดยตลอด

Advertisement

และนั่นก็ส่งผลให้หลายฝ่ายคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ ที่คาสโตร เอสปิน จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำคิวบาต่อจากพ่อที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งในเร็วๆ นี้แล้ว

ความเป็นไปได้ดังกล่าวมีสูงขึ้นอีกเมื่อล่าสุด จาอิเม ออร์เตกา พระคาดินัลอดีตอาร์คบิชอปแห่งกรุงฮาวานา ออกมาเปิดเผยว่า คาสโตร เอสปินนั้นมีบทบาทสำคัญในฐานะเบื้องหลังการเจรจาเพื่อ “ฟื้นสัมพันธ์” ระหว่างคิวบาและสหรัฐอเมริกาให้กลับคืนมาอีกครั้ง หลังสองประเทศตัดสัมพันธ์กันไปเป็นเวลายาวนานกว่า 50 ปี

ออร์เตการะบุ ระหว่างการเข้าร่วมประชุมที่สหรัฐอเมริกาว่า คาสโตร เอสปิน เป็นหัวหน้าคณะตัวแทนจากคิวบา ในการเจรจาที่นำไปสู่การฟื้นสัมพันธ์ของสองชาติ ขณะที่ออร์เตกาเองเป็นตัวแทนของนครรัฐวาติกัน ในการเจรจาซึ่ง สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีส่วนสำคัญในฐานะตัวกลาง ขณะที่ตัวแทนฝ่ายสหรัฐอเมริกาคือ ริคาร์โด ซูนิกา ที่ปรึกษาระดับสูงของ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐในเวลานั้น

Advertisement

คาสโตร เอสปิน ไม่ได้เผยตัวสู่สาธารณะมากนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ปรากฏตัวในการหารือระหว่างราอูล คาสโตร และโอบามา เป็นครั้งแรกที่ประเทศปานามา เมื่อเดือนเมษายน 2558 ด้วย

ผู้สังเกตการณ์การเมืองคิวบาคาดกันว่า คาสโตร เอสปิน จะมีส่วนสำคัญในการส่งต่ออำนาจหลังราอูล คาสโตร ก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า โดย มิเกล ดิแอส-คาเนล รองประธานาธิบดีคิวบา วัย 56 ปี ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้ที่มีโอกาสจะรับตำแหน่งผู้นำคิวบาต่อจากราอูล คาสโตร มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม บทบาทใน “ฉากหลัง” การเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ดังกล่าวก็เพิ่มโอกาสที่ “คาสโตร เอสปิน” จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไปของคิวบาได้ไม่น้อยเช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image