เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 31 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมา คนที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลในวันนี้ ขณะที่อยู่ในอำนาจ หรือมีหน้าที่ในการกำกับดูแล ทำไมไม่เคยคิดจะออกกฎหมายเหล่านี้ เพราะอาจจะเกรงผลกระทบกับตนเอง และพวกพ้อง หรือเปล่า ท่านน่าจะละอายตัวเองกันบ้าง รัฐบาลนี้กล้าจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง หากท่านจ้องจะตำหนิ จับผิด ผลร้ายก็จะเกิดกับประชาชน ขอให้เป็นการติเพื่อก่อ เอาประชาชนเป็นศูนย์กลางเป็นที่ตั้งในการคิด ไม่ได้ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขอให้มีข้อมูลมีข้อเท็จจริงบ้าง การทุจริตในโครงการต่างๆ ขอย้ำอีกครั้ง กรณีผู้ใดแอบอ้างนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการ หรืออื่นๆแล้วไปข่มขู่ส่วนราชการต่างๆหรือไปเรียกรับผลประโยชน์ หากตนทราบหรือมีหลักฐานเมื่อใด จะลงโทษสถานหนัก หากมีการอ้างคนใกล้ชิด คสช.หรือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งใดก็แล้วแต่ขอให้ส่งรายชื่อ หลักฐานมาให้นายกฯจะดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น ทำไมท่านต้องไปกลัวเขา ตนจะให้ความเป็นธรรมในทุกกรณี ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดก็เพราะจำเป็นต้องใช้งาน แต่หากทำงานใกล้ชิดแล้วไปแอบอ้างหาผลประโยชน์ ก็ไม่สมควรรับไว้ทำงานเพื่อส่วนรวม เพราะจะเป็นเส้นทางสู่การทุจริตคอร์รัปชั่น ที่รัฐบาลนี้ต้องการจะลบล้างให้หมดไปจากสังคมไทย ไม่ว่าจะเรียกร้องผลประโยชน์ การประมูล จัดซื้อจัดจ้างหรือการแต่งตั้ง โยกย้ายตำแหน่ง เราต้องช่วยกันแก้ปัญหานี้ไปด้วยกัน
“ที่ผ่านมาก็มีหลายคดี คดีพระธัมมชโย คดีจับอาวุธสงคราม คดีเก็บภาษีจากการขายหุ้น หรือคดีจำนำข้าว เป็นต้น หากเราติดตามดูก็รู้ว่าได้ไม่ยากว่ามาจากแหล่งใด ก็เป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบ จากการทำผิดกฎหมายซึ่งยังไม่ชัดเจนให้ศาลตัดสินออกมา เพียงแต่ว่าต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แล้วท่านไม่ยอมรับความผิดใดๆเลย ไม่ยอมเข้ากระบวนการศาลยุติธรรม แบบนี้กฎหมายก็บังคับใช้ไม่ได้อีก ก็จะเรียกว่า2 มาตรฐาน เหมือนเดิม เพราะประชาชนทั้งประเทศที่เขาก็ถูกตัดสินโดยกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้ก็ถูกตัดสินเช่นเดียวกันอาจจะมองว่าเขาไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม แต่กลายเป็นว่าท่านมาอ้างว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ยุติธรรม โดยการไม่ยอมเข้ารับการพิจารณาคดี อันนี้หมายถึงไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ลองคิดดูใช่หรือเปล่า คนไทยคิดอย่างไร รัฐบาลและคสช. จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
