แม่ทหารเกณฑ์แฉ ลูกบอกก่อนตายยัน’ถูกซ้อม’ เพื่อนยันไร้บาดแผลก่อนเข้าเรือนจำ

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2560 ความคืบหน้ากรณีมารดาของพลทหาร ยุทธกินันท์ บุญเนียม หรือเบนซ์ อายุ 22 ปี ทหารกองประจำการสังกัดกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินคดีบุตรชายถูกทำร้ายร่างกายระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โดยนำศพไปจัดพิธีบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดที่ อ.เวียงสระ ตั้งแต่เมื่อวานนี้นั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นางเรณูได้เข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.ท.สมสิน เกิดผล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี หลังจากเข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมนำพลทหารเพื่อนของบุตรชายซึ่งเป็นพยานมาพบพนักงานสอบสวนด้วย โดยใช้เวลาสอบปากคำกว่า 2 ชั่วโมง

นางเรณูกล่าวว่า ตนมั่นใจว่าบุตรชายถูกทำร้ายร่างกายขณะถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำทหาร ซึ่งบุตรชายได้บอกกับตนก่อนเสียชีวิตว่าถูกซ้อม แต่ยังมีความเชื่อมั่นในกระบวนการสอบสวน และเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาของบุตรชาย ล่าสุดได้รับแจ้งจาก พล.ต.วิชัย ทัศนมณเทียร ผบ.มทบ.45 ว่า พยานที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในความดูแลของท่านแล้วและสิ่งที่ตนต้องการอยากให้เอาคนผิดมาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างหรือไปกระทำอย่างนี้กับบุคคลอื่น

ด้านพลทหารรายหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนทหารเกณฑ์ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 27 มีนาคม 2560 พลทหารยุทธกินันท์ได้มาช่วยตนกวาดขยะเมื่อเสร็จงานได้ขอตัวกลับไปนอนพักพร้อมทั้งบอกให้ตนช่วยปลุกด้วย เนื่องจากเวลา 09.00 น. ต้องไปรวมแถว แต่ตนติดภารกิจเวรจราจรจึงฝากให้เพื่อนอีกคนไปช่วยปลุกผู้ตายแทน ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาทั้ง 2 นาย ไม่ได้ร่วมลงแถว จึงถูกลงโทษสั่งกักขังเป็นเวลา 3 วัน และตนอยู่กับผู้ตายก่อนเข้าเรือนจำยืนยันว่า พลทหารยุทธกินันท์ไม่ได้มีบาดแผล หรืออาการถูกทำร้ายแต่อย่างใด “หากเบนซ์ถูกทำร้ายจากภายนอกจริง เชื่อว่าเขาต้องแจ้งให้ตนทราบ และก่อนจะเข้าเรือนจำเบนซ์ได้แจ้งว่าหากครบ 3 วันแล้วหากยังไม่ได้กลับมา ขอให้ตนไปแจ้งให้มารดาทราบเรื่องด้วยเนื่องจากเบนซ์มีปัญหากับสิบเวรจึงกลัวจะถูกแทงท้าย (ให้ผู้อื่นทำร้ายร่างกายขณะถูกขังในคุก) ” พลทหารเพื่อนผู้เสียชีวิตกล่าว

ขณะที่ พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน โดยมอบให้ พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าคณะร่วมกับนายทหารพระธรรมนูญ ฝ่ายปกครอง และพนักงาน อัยการ ร่วมสอบปากคำพยาน โดย พล.ต.ต.อภิชาติกล่าวว่า ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานคืบหน้าไปมากพร้อมสั่งให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายบริเวณสี่แยกแสงเพชร เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ตามที่มารดาผู้เสียชีวิตได้ลงบันทึกประจำวันไว้เมือวันที่ 31 มีนาคม 2560 เบื้องต้นมารดาผู้เสียชีวิตได้แจ้งพนักงานสอบสวนไว้ว่า รับฟังมาจากบุคคลบางกลุ่มอ้างว่าบุตรชายถูกทำร้ายร่างกายที่บริเวณดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

Advertisement

“ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนโดยเชิญสหวิชาชีพร่วมรับฟังการสอบสวนพยานเพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขณะนี้ทราบว่าพลทหารเพื่อนผู้ตายที่เป็นพยานมีความหวาดกลัว จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแลคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน จึงขอให้มั่นใจในการสอบสวนคดีจะทำอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย “พล.ต.ต.อภิชาติกล่าว
ส่วน พล.ต.วิชัยเปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พ.อ.สมศักดิ์ บุญชรัตน์ หัวหน้าฝ่ายสรรพกำลัง มทบ.45 เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ให้ดำเนินการสอบสวน และสอบสวนข้อเท็จจริงบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยให้รายงานผลปฏิบัติทันที พร้อมนี้ได้มีคำสั่งให้นายทหาร 2 นายที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ให้มาช่วยราชการที่ มทบ.45 เพื่อให้การสอบสวนของฝ่ายตำรวจและทหารเป็นไปอย่างเรียบร้อย และไม่เป็นการไปยุ่งกับพยานหลักฐาน

“ได้สั่งกำชับไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการสอบสวนทางคดีของพนักงานสอบสวนตำรวจ หากมีการร้องขอเพื่อสอบปากคำบุคคล รวมถึงพยาน ทาง มทบ.45 พร้อมให้ความร่วมมือ และเปิดโอกาสให้มีการสอบสวนอย่างเต็มที่และยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือกันอย่างเด็ดขาด ซึ่งคนที่ทำผิดจะต้องได้รับโทษ เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ปัญหาคือ คู่กรณีไม่สามารถพูดได้แล้ว ดังนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา ใครก็ตามจะมากล่าวอ้างว่าเขาทำผิดกฎระเบียบแล้วต้องรับผลกระทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่มีหน้าที่พิพากษาเขา” พล.ต.วิชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image