ศธ.เดินหน้าสรรหา’ศธจ.-รองศธจ.’ พ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการนั้น คำสั่งดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินการปฏิรูปการศึกษาตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเดินมาถูกทางแล้ว จึงได้มีคำสั่งฉบับที่ 19/2560 เพื่อรวมคำสั่งที่เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ ศธ. 4 ฉบับเดิม เหลือเพียงฉบับเดียว และเพิ่มเติมบางประเด็นเพื่อให้การดำเนินการปฏิรูปการศึกษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายชัยพฤกษ์กล่าวต่อว่า โดยประเด็นที่ปรับเปลี่ยน คือ ปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของ ศธ.ในภูมิภาค (คปภ.) โดยเพิ่มประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ และให้อำนาจ คปภ.เรื่องการโอนกิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน และงบประมาณ รวมถึงเกลี่ยบุคลากร เพื่อให้สามารถตั้งสำนักงานศึกษาธิการภาค (ศธภ.) และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ได้ รวมถึงการปรับสัดส่วนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) จาก 22 คน เหลือ 15 คน โดยให้มีผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 6 คน อย่างน้อย 3 คน ต้องเป็นผู้แทนภาคเอกชน ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และผู้แทนภาคประชาชน

“สาระสำคัญของคำสั่งฉบับที่ 19/2560 นี้คือ เรื่องของอำนาจหน้าที่ ศธจ.จะมีความชัดเจนในเชิงการเป็นผู้แทนของ ศธ.ในระดับจังหวัด ที่ดูแลงานทุกด้าน โดยเฉพาะการบริหารงานบุคคลทั้งครูและผู้บริหารสถานศึกษา ที่ต่อไป ศธจ.จะมีอำนาจลงนามตามมติ กศจ.ที่เสนอโดยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ซึ่ง ศธจ.ไม่ได้มีอำนาจในการสั่งย้ายใคร” นายชัยพฤกษ์กล่าว และว่า จากคำสั่งฉบับดังกล่าวในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีการกำหนดกรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานในสำนักงาน ศธจ. และให้เกลี่ยอัตรากำลังจาก 225 สพท.ทั่วประเทศไปให้ ศธจ. โดยย้ำว่าการเกลี่ยอัตรากำลังเป็นไปด้วยความสมัครใจ และต้องไม่กระทบกับการทำงานของ สพท.และ ศธจ.ก็สามารถเดินหน้าได้ ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์การสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง ศธจ.และรอง ศธจ.โดยวิธีการสรรหาจะเหมือนกับการสรรหา ผอ.สพท. คาดว่าจะได้ตัวจริงทั้งหมดในเดือนพฤษภาคมนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image