ภท.พร้อมลงสนามเลือกตั้ง ชู 4 นโยบายจับต้องได้ เห็นผลโดยเร็ว ไม่ห่วงว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 เมษายน ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย มีงานทำบุญครบรอบวันเกิด ก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 พร้อมกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำ และสมาชิกพรรคเข้าร่วม อาทิ นายชัย ชิดชอบ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) และอดีตประธานรัฐสภา นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรค ฯลฯ โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองมาแสดงความยินดี อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายนิกร จํานง สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ฯลฯ ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ฯลฯ
นายอนุทิน กล่าวถึงการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 6 เมษายนว่า ในฐานะประชาชนชาวไทย รู้สึกปลื้มปีติที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญในวันที่ 6 เมษายนนี้ ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองเห็นว่า ในที่สุดประเทศไทยก็จะต้องกลับเข้าสู่การปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องในการใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ทำให้บรรยากาศบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ ถือเป็นของขวัญปีใหม่ไทย แก่ประชาชนคนไทยด้วย สำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่การเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทย การเป็นพรรคการเมืองนั้นทุกวันคือการเตรียมการเข้าสู่การแต่งตั้ง การเป็นผู้แทนอยู่ไม่ได้หมายความว่า ต้องทำหน้าที่แค่ในสภา แต่ต้องรับทุกเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมพยายามแก้ไขปัญหา แบ่งเบาทุกข์ของประชาชน พรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่เวลานี้จะต้องทำกฎ ระเบียบที่มีการวางไว้
“พรรคการเมืองก็ต้องรอดูว่าจะมีการอนุญาตให้ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างไร เมื่อไหร่ รูปแบบใด แต่เราได้เห็นเจตนารมณ์ที่ดีของผู้บริหารประเทศ ที่พยายามคืนประชาธิปไตย คิดว่าคงไม่ทำให้กระบวนการเหล่านี้ช้าลงหรือมีปัญหา และทุกภาคส่วนควรให้ความร่วมมือ เพื่อให้โรดแมปเป็นไปตามเป้าและไม่ล่าช้า เรามีเวลา 12 – 18 เดือนในการเตรียมตัว และไม่กังวลในเรื่องของการเตรียมตัวพรรค เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราไม่ใช่พรรคใหญ่ แต่มีฐานทุนที่ดี มีสมาชิกที่มีคุณภาพ คุ้นเคยกับพื้นที่ เราจึงพร้อมตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีเวลาให้เท่าไหร่ก็ตาม ถ้าพรรคภูมิใจไทยบอกว่าไม่พร้อม ก็อย่ามาเลือกพรรคภูมิใจไทยเลย” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายหลักๆ 4 นโยบาย ที่จะเสนอต่อประชาชนอยู่แล้ว ไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย แต่จะเปลี่ยนในรายละเอียดให้เข้ากับสถานการณ์ เชื่อว่านโยบายเหล่านี้จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน เราอยากนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดแก่ประชาชน โดยจะนำเสนอสิ่งที่เป็นไปได้ จับต้องได้โดยเร็ว และพรรคภูมิใจไทยมีความจำเป็นต้องส่งผู้สมัครเลือกตั้งในทุกเขต เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะทุกคะแนนเสียงมีความหมาย
“อย่างไรก็ตาม อย่าคาดว่าหลังการเลือกตั้งแล้วทุกอย่างจะเร็วเหนือเสียง แต่ต้องค่อยๆ เมื่อออกจากห้องไอซียูก็จะต้องค่อยๆ พักฟื้น เสริมสร้างความแข็งแกร่ง ไม่ต้องเร่งมาก การสร้างประเทศที่ผ่านวิกฤตต่างๆ หลายปี ต้องเน้นรากฐานที่เข้มแข็ง เราต้องมีความอดทนและให้ความร่วมมือ” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคการเมืองอื่นๆ นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครอยู่แล้ว ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อมีการเลือกตั้ง ซึ่งตนไม่คิดเช่นนั้น แต่คิดว่าพรรคภูมิใจไทยมีความสามารถเพียงพอ ที่จะนำเสนอสิ่งดีๆ ให้เป็นทางเลือกของประชาชน และผลเลือกตั้งจะเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าพรรคฯจะเดินหน้าอย่างไร จะเป็นรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ทาบทามใครเข้ามาเป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็น สปท.ที่กำลังจะหมดวาระ หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่
