“หมอสุรเชษฐ์” ยอมรับทิ้งเก้าอี้กสม.จริง ลั่น จำเป็นต้องฮาราคีรีตัวเอง

ภาพจาก Hfocus.org

หมอสุรเชษฐ์” ยอมรับทิ้งเก้าอี้กสม. จริง บอกเหตุผลเป็นไปตามข่าว หวัง การลาออกช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้าน “อังคณา “ ระบุ ต้องใช้ความอดทน อดกลั้นทำงาน ขอเปิดใจกว้าง รับฟัง ให้เกียรติ-อิสระ ไม่หวั่นถูกม. 44 ยุบ

เมื่อวันที่ 6 เมษายน นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการสิทธิฯ จริงโดยเหตุผลเป็นไปตามที่ปรากฎเป็นข่าว

เมื่อถามว่า หนังสือลาออกระบุเหตุผลว่าบรรยากาศไม่เอื้อต่อการทำงาน หมายถึงอะไร น.พ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า รอให้ฝุ่นมันหายจางสักนิด ตนพูดคนเดียวก็ไม่ดี ขอให้สื่อไปสืบเสาะหาจากคนภายในกรรมการสิทธิฯ อย่าให้ออกจากปากของตนเลย “เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมจะออกจากบ้านแล้วมาเผาบ้านตัวเองมันจะไม่ดี ขอให้ไปถามจากคนภายในแล้วกัน”

เมื่อถามต่อว่า มีปัญหาจนทำให้ไม่สามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ นพ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า บรรยากาศมันขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้ ที่ผ่านมาก็พยายามปรับเปลี่ยนการทำงานภายในเพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ แต่มันก็มีเรื่องอื่นๆ อีกเยอะ “ผมก็เลยจำเป็นต้องฮาราคีรีตัวเองเพื่อให้องค์กรรู้ตัวบ้าง ซึ่งก็หวังว่าการลาออกของผมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะการเปลี่ยนแปลงจากภายในสำคัญที่สุด องค์กรต้องเข้มแข็ง ต้องเดินหน้าเพราะองค์กรนี้เป็นประโยชน์กับสังคม ตัวบุคคลมาแล้วมันก็ต้องไป ตัวกรรมการสิทธิฯ มาแล้วก็ต้องไป”

Advertisement

ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิฯ กล่าวว่า หลายคนมีความอดทนอดกลั้นพยายามที่จะทำงาน แต่ว่าความเป็นประชาธิปไตยในองค์กร ความมีธรรมาภิบาล การยอมรับมันก็สำคัญ มันไม่ใช่จะยึดเสียงข้างมากอย่างเดียวต้องรับฟังเสียงข้างน้อยแต่สุดท้ายมันก็ต้องเคารพกัน ส่วนตัวชื่นชมนพ.สุรเชษฐ์ เพราะก็พยายามอดทน อดกลั้น มานานแต่เมื่อวันนึงมันทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ จนไม่เป็นผลดี ทุกคนก็ต้องทบทวน ตนเองก็ไม่อยากให้การลาออกของนพ.สุรเชษฐ์สูญเปล่า อยากเห็นการแก้ไขปัญหา การปรับเปลี่ยนการทำงาน ซึ่งต้องเปิดใจกว้างยอมรับความจริง และรับฟังความเห็น มติต้องเป็นมติ ความมีอิสระ การให้เกียรติกันต้องมี

เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าปัญหาความแตกแยกจะทำให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 ยุบกรรมการฯ นางอังคณา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่กลัว เพราะไม่ว่าตัวเองจะมีสถานะเป็นกรรมการฯ หรือไม่ตนเองก็ทำงานด้านสิทธิมาตลอดอยู่แล้ว และต้องยอมรับว่าการทำงานของกรรมการสิทธิฯ ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนไม่ใช่ปกป้องรัฐ

“เสียดายหมอสุรเชษฐ์ แต่ก็ไม่ยับยั้ง เพราะเข้าใจ ตัวเองก็ยังไม่รู้จะอยู่อีกนานแค่ไหน ยอมรับว่าช่วงปีกว่าต้องใช้ความอดทน หลายครั้งกดดันแต่ก็พยายามที่จะทำงาน เรื่องเนื้องานถ้าเรายืนอยู่บนหลักการผิดถูกว่าไปตามกฎหมาย ตามหลักสิทธิมนุษยชนซึ่งบางครั้งอาจจะกว้างกว่ากฎหมายก็ได้ แต่ปัญหาก็อย่างที่หมอสุรเชษฐ์บอก เป็นเรื่องบรรยากาศในการทำงาน ถ้าบรรยากาศเป็นมิตร ไม่มีอคติ มีการยอมรับซึ่งกันและกัน ไม่มองคนที่คิดต่างไม่ใช่พวก รับฟังกันงานที่เรามุ่งมั่นทำมันก็จะไปได้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาตนเองก็โดนเยอะเหมือนกัน ก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำงาน แต่ถ้ามีการก้าวล่วงในหลักการก็จะไม่ยอม ซึ่งส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ไม่ลาออกก็อาสาเข้ามา เคยแถลงในที่ประชุมหลายครั้งว่า หากใครก็ตามเห็นว่าเราทำงานไม่ได้ หรือทำงานแล้วทำให้เกิดความเสียหายก็เสนอถอดถอนต่อรัฐสภาได้ ไม่เว้นแม้แต่กสม.ด้วยกันก็เสนอได้ เรามาตามกฎหมายก็ยินดีและเต็มใจที่จะไปตามกฎหมาย แต่ถ้าหากเรายังมีอำนาจหน้าที่และกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนถ้าไม่ได้ทำงานเต็มที่ก็ละอายใจ นี่ก็ทบทวนตัวเองทุกวันไม่ได้ยึดติด ถ้าเมื่อไรหลักการทำงานที่เราเคารพต้องเสียไป ก็ต้องพิจารณาตัวเองต้องยอมถอย แต่ก็จะชี้แจงกับสาธารณะว่ามันทำไม่ได้เพราอะไร “
ทั้งนี้ นางอังคณา ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Angkhana Neelapaijit”ถึงเรื่องดังกล่าวในทำนองเดียวกันด้วย

Advertisement

ขณะที่ นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าว แต่ระบุว่านายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิฯ เตรียมที่จะแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวเร็ว ๆ นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัส อยู่ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ซึ่งปัญหาความขัดแย้ง สาเหตุหลักน่าจะมาจากกรรมการสิทธิฯ ส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับท่าที การบริหารงาน การเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของนายวัส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image