จนท.การบินไทยประจำเมลเบิร์น น้อมนำพระบรมราโชวาท ในหลวง ร.9 มาเป็นข้อคิดในการใช้ชีวิต

นายกฤษณ์ เรืองเดช (กลาง) และครอบครัว

เมื่อวันที่ 10 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การเข้าสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 159 พสกนิกรจากทั่วประเทศยังคงเดินทางมาสักการะพระบรมศพแม้จะมีอากาศที่ร้อนจัดตลอดทั้งวัน ขณะที่ประชาชนหลายคนซึ่งบริษัทหยุดเนื่องในโอกาสสงกรานต์ได้ถือโอกาสนี้มากราบสักการะพระบรมศพวันปีใหม่ไทย เป็นสิริมงคลให้กับชีวิต

นายกฤษณ์ เรืองเดช อายุ 40 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี บริษัทการบินไทย ประจำนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า ตนและภรรยาเพิ่งเดินทางกลับมาเยี่ยมคุณแม่และครอบครัวที่ จ.ปทุมธานี และตั้งใจกลับมากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วย โดยในวันนี้เดินทางมาพร้อมกับคุณแม่และภรรยา ออกจากบ้าน จ.ปทุมธานี ช่วงตี 5 และเข้ากราบสักการะพระบรมศพเสร็จประมาณ 08.30 น.

“วันที่ในหลวง ร. 9 เสด็จสวรรคต ตนรู้สึกเสียใจมากร้องไห้ คนไทยในเมลเบิร์นก็ต่างเสียใจมากจึงไปรวมตัวกันจุดเทียนถวายความอาลัยกันเป็นจำนวนมากซึ่งตนและภรรยาก็ไปร่วมแสดงความอาลัยด้วย และทุกวันนี้ก็ยังสวมชุดดำไว้ทุกข์อยู่ตลอด วันนี้ได้มีโอกาสพาคุณแม่และภรรยาเดินทางมากราบสังการะพระบรมศพ ในหลวง ร.9 ก็รู้สึกตื้นตันใจ อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ตนบันทึกพระบรมราโชวาท ของในหลวง ร.9 เมื่อปี 2530 ความว่า “เมื่อมีโอกาสและมีงานทำ ควรเต็มใจทำ โดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้ หรือเงื่องไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใด ย่อมทำได้เสมอ” ซึ่งพระบรมราโชวาทของพระองค์ อ่านแล้วทำให้ผมตั้งใจทำงานและมีความรับผิดชอบและได้นำมาเป็นข้อคิดในการใช้ชีวิตด้วย เชื่อว่าพระองค์สถิตอยู่ในใจของทุกคนเสมอ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใด ซึ่งผมเดินทางไปเรียนอยู่ที่ออสเตรเลียตั้งแต่อายุ 18 ปี เรียนจบก็ทำงานอยู่ที่นั่น แต่ก็ยังติดตามข่าวของพระองค์อยู่ตลอดเวลาไม่เคยลืม” นายกฤษณ์ กล่าวด้วยสีหน้าแห่งความซาบซึ้ง

ไพวรรณ์ และนพวรรณ

นางนพวรรณ เตรัมย์ อายุ 53 ปี และนางไพวรรณ์ ประดิษศรีวรกาล อายุ 54 ปี พนักงานโรงงานแห่งหนึ่งย่านบางแค กล่าวว่า วันนี้ที่โรงงานได้หยุดงานเป็นวันแรกในเทศกาลสงกรานต์ จึงได้มาขอพรพระองค์วันปีใหม่ไทย ให้ลูกหลานที่เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย ร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งหลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว ทุกวันก็ยังระลึกถึงพระองค์เสมอ นำพวงมาลัยกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงร.9 และอธิษฐานขอพรพระองค์อยู่ทุกวัน ประทับใจในพระองค์ทุกสิ่ง ทั้งพระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตร และคำสอนต่างๆ สิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะปฏิบัติตามได้คือความพอเพียง ซึ่งยึดใช้อยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ประหยัด

Advertisement
ปัทมา (ที่ 2 จากขวา)

นางปัทมา เมฆประสิทธิ์ อายุ 55 ปี ประชาชนจากย่านพรานนก เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งที่ 5 พร้อมด้วยลูกชาย และเพื่อนบ้าน กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสดีเดินทางจากบ้านมาตั้งแต่เวลา 08.30 น. ได้ร่วมฟังสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพอดี แม้อากาศร้อนและรู้สึกเหนื่อยมาก เนื่องจากตัวเองป่วยอยู่ แต่ก็รู้สึกอยากมากราบสักการะพระบรมศพทุกครั้งที่มีโอกาส เช่นเดียวกับตอนที่ในหลวงร.9 ยังประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ได้ไปสวดมนต์ที่ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราชอยู่เสมอ ตั้งจิตอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ นอกจากนี้ยังน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่กินทิ้งกินขว้าง ซื่อสัตย์กับทั้งตนเองและคนรอบข้าง

อรสา (ซ้าย)

น.ส.อรสา สินสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเหวินฉือผูซ่าเอวี๋ยน อายุ 53 ปี เผยว่า เนื่องจากที่ผ่านมางานค่อนข้างยุ่งมาก อาศัยที่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมจึงชวนเพื่อนๆ ในมูลนิธิมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ตนเกิดมาก็เห็นพระองค์ทรงงานเพื่อประเทศและพสกนิกรในประเทศมาตลอด ชั่วชีวิตก็ไม่อาจทดแทนพระมหากรุณาธิคุณได้หมด พระองค์ทรงมีความเมตตามีความรักให้กับประชาชนเป็นอย่างมากจึงคิดว่าในครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมากราบพระองค์ให้ได้ ในฐานะทำงานในมูลนิธิฯ ซึ่งดำเนินการด้านการอบรมคุณธรรมและจริยธรรม ก็ยึดถือพระองค์เป็นแบบอย่าง แม้ไม่อาจทำงานได้เทียบเท่ากับพระองค์ได้ แต่ก็พยายามช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สอนให้พี่น้องคนไทยรู้จักรักชาติกตัญญูต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

 

Advertisement

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 9 เมษายน หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.06 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 25,331 คน รวม 158 วัน มี 5,998,462 คน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image