พยัคฆ์ไพรกร้าว! ต้องยึดเขาค้อคืนให้ได้ หลังขยายผลพบขบวนการฮุบป่า นายทุนใส่ชื่อให้ชาวบ้านเช่าทำกิน

วันที่ 20 เมษายน 2560 เมื่อเวลา 10.00 น.คณะเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้, ศปป4.กอ.รมน., ตชด.31 และกอ.รมน.เพชรบูรณ์ จำนวนราว 30 นาย นำโดยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ศปป.4 กอ.รมน.และร.ต.ท.วิชัย สิทธิ หัวหน้าตชด.เพชรบูรณ์ ขยายผลตรวจสอบป่าสงวนแห่งชาติเขาโปกหล่น บริเวณหมู่ 6 บ้านดงหลง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ หลังทำการตรวจยึดบ้านพักตากอากาศพร้อมจับกุมนายวิทูล คุณสมบัติ ผู้ดูแล ซึ่งรับอ้างเป็นเจ้าของบ้านพักและที่ดิน แต่ภายหลังยอมเปิดปากรับสารภาพว่า นอมินีให้นายทุนชื่อ”เสี่ยหนุ่ย”ซึ่งเจ้าของบ้านพักตากอากาศตัวจริงและที่ดินกว่า 100 ไร่ นอกจากนี้ยังพบหลักฐานซื้อขายที่ดินระหว่างนายวิทูลกับนายพรหมเมศ แสนคำ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 โดยมีการจ่ายเงินไปแล้ว 2 งวดๆละ 100,000 บาท กระทั่งติดตามไปจับกุมพรหมเมศกับพวกกำลังขับรถไถปรับไถป่าจึงทำการจับกุมดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจนนำไปสู่การขยายผลในวันนี้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะนายชีวะภาพได้เดินทางเข้าไปสำรวจบริเวณพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก โดยพบเป็นหุบเขาซึ่งมีเทือกเขาติดต่อเชื่อมกันหลายลูกกินเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ในขณะที่ป่าซึ่งบางส่วนเริ่มฟื้นกลับคืนสภาพป่า ถูกฟันจนเหี้ยนและบางจุดมีการปรับไถเตรียมพื้นที่เพื่อรอทำการเกษตร ในขณะที่ไม่พบรถไถรวมทั้งชาวบ้านหรือชาวไทยภูเขาเข้ามาปรับที่ดินเพื่อทำการเกษตรแต่อย่างใด เนื่องจากพากันไหวตัวเพราะทราบข่าวคณะเจ้าหน้าที่ เริ่มมีการกวดขันจับกุมนายทุนรุกป่า ขณะเดียวกันยังพบมีการปักเสาเขตวางแนวเขตแบ่งซอยที่ดินเป็นแปลงๆ นอกจากนี้คณะนายชีวะภาพยังเดินทางไปสำรวจที่ดินของอดีตข้าราชการรายหนึ่ง พบนายชีพ แซ่เกอ ราษฎรชาวเขารับเป็นผู้ดูแล โดยมีแปลงทดลองปลูกกล้วยไม้กับขิง โดยที่ดินมีราว  40 ไร่ยังเป็นป่ายังไม่ได้บุกเบิกแต่อย่างใด

Advertisement

นายชีวะภาพกล่าวว่า หุบเขาที่ถูกบุกรุกเป็นพื้นที่ต้นน้ำกินบริเวณกว้างกว่า 1,000 ไร่ ที่น่าตกใจก็คือ เบื้องหลังมีขบวนการฮุบที่ป่าและขายให้นายทุน เหมือนเป็นการฟอกที่ดินอีกที โดยนายทุนที่ครอบครองที่ดินแค่เอาชื่อมาใส่ไว้ซึ่งเวลานี้ตรวจสอบพบมีราว 10 รายและทั้งหมดส่วนใหญ่จะมีเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติหรืออาศัยในถิ่นที่อยู่เดียวกัน นอกจากนี้แต่ละรายจะครอบครองที่ดินไม่ต่ำกว่า 40 ไร่ เสร็จแล้วก็ให้คนในพื้นที่อย่างเช่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรายนี้ไถป่าปรับพื้นที่เพื่อทำการเกษตร หรือให้เช่าทำกินในราคาถูกๆเช่นไร่ละ 1000 บาทต่อปี โดยจุดมุ่งหมายให้ทางราชการเข้าใจว่ามีชาวบ้านหรือเกษตรกรผู้ยากไร้จับจองทำกินอยู่ แต่เจ้าของจริงๆเป็นกลุ่มทุนที่อยู่ในกทม.

 

หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพรกล่าวอีกว่า นอกจากนี้เท่าที่สังเกตุยังมีการปักเสาพาดสายไฟฟ้าแรงสูงเข้ามา ทั้งที่ไม่ได้เป็นชุมชน ซึ่งคงต้องทำเรื่องส่งไปให้ทางการไฟฟ้าตรวจสอบ แลบะลักษณะนี้เมื่อวานก็เจอทางด้านบนโดยมีการปักเสาพาดสายเข้าไปในเขตป่า โดยไม่ได้ขยายเขตไปให้ชาวบ่้านได้ใช้ แต่เป็นการไปเอื้อให้กลุ่มทุนหรือโรงแรมรีสอร์ท หรือบริเวณหุบเขาตรงนี้ซึ่งการนำเข้ามาเพื่อแบ่งแปลงขายกันเพื่อให้เห็นว่ามีสาธารณูปโภคเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องสกัดกั้นเรื่องสาธารณูปโภคก่อนโดยให้รื้อถอนออกหากไม่ยินยอมก็ต้องดำเนินคดี

“ขั้นตอนต่อไปคงจะต้องสกัดการบุกรุกฮุบป่าของขบวนการเหล่าานี้ให้ได้ พร้อมยึดคืนพื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมด โดยการเจรจาขอคืนก่อนซึ่งตอนนี้มีข้อมูลแล้วว่ามีนายทุนรายไหนบ้าง เพื่อนำมาฟื้นฟูป่าตามนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) แต่ทั้งนี้จะต้องมีการสำรวจโดยละเอียดว่ามีชาวบ้านทำกินอยู่ตรงไหนบ้าง จากนั้นจะนำโมเดลการจัดการป่าเขาหัวโล้นที่บ้านซำบุ่น ต.ศิลา อ.หล่มเก่ามาใช้ โดยชาวบ้านที่ทำกินจะต้องอยู่ในเงื่อนไขไม่บุกรุกป่าต่อและต้องปลูกป่าเสริมขึ้นมาซึ่งตรงนี้ค่อยมาพูดคุยกันอีกที แต่วันนี้หุบเขาทั้งเวิ้งต้องเอาคืนจากนายทุนและขบวนการฮุบป่าให้ได้” นายชีวะภาพ กล่าว

นายชีวะภาพกล่าวอีกว่า ที่ดินในหุบเขาบริเวณนี้ไม่ได้ถูกเปลี่ยนมือ แต่เพิ่งเจอยุทธวิธีแบบใหม่โดยเอาชื่อมาใส่ไว้เพื่อจับจองที่ดิน และให้ชาวบ้านที่มีศักยภาพในการบุกรุกทำลายและเปิดป่าเข้ามาทำกิน และให้เช่าถูกๆ โดยนายทุนไม่เคยเข้ามาดูแลเลยนอิกจากนี้ยังมีการนำชื่อลูกหรือเครือญาติบริวารมาใส่รายละ 40-50 ไร่ จึงต้องยึดคืนพื้นที่ป่าบริเวณนี้กลับคืนมาโดยเร็ว เพราะเป็นป่าต้นน้ำส่วนชาวบ้านที่ทำกินจริงๆคงไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งชาวบ้านเองน่าจะดีใจเพราะแทนที่ที่ดินจะไปอยู่ในมือนายทุนก็เอากลับคืนมา ส่วนชาวบ้านจะอยู่อาศัยหรือทำกินก็ต้องมีกติกา ตามนโยบายรัฐมนตรีกระทรวง ทส. ชาวบ้านก็อยู่ได้รัฐก็ได้ป่าคืน

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ก่อนที่คณะนายชีวะภาพจะเข้าสำรวจพื้นที่ป่าถูกบุกรุก ได้มีญาตินายวิทูล คุณสมบัติ มาติดต่อและเข้าพบ เพื่อสอบถามข้อมูลรวมทั้งแสดงความห่วงใยนายวิทูลที่ถูกจับกุมดำเนินคดีพร้อมขอรับคำชี้แนะ โดยยืนยันว่านายวิทูลเป็นแค่ผู้ดูแลมิใช่เจ้าของที่ดินและบ้านพักตากอากาศ 1 ใน 7 รายที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเมื่อวานนี้ ซึ่งนายชีวะภาพพร้อมพ.อ.พงษ์เพชรให้ข้อชี้แนะโดยให้พูดหรือให้ข้อมูลที่เป็นความจริงต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อจะได้รับการบรรเทาโทษจากขบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ระหว่างการพูดคุยนายชีวะภาพยังระบุด้วยว่า นายวิทูลยังให้การโดยอ้างน้องสาวเป็นเจ้าของที่ดินด้วย แต่เจอพิรุธและหลักฐานมีการจัดฉาก ทำให้นายวิทูลเริ่มเปิดปากให้การเป็นประโยชน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image