ฉลุย! สนช.รับร่างพ.ร.บ.กกต.วาระแรก ชี้ มี3กกต.ต้องพ้นจากตำแหน่ง ‘มีชัย’บอกช่วยไม่ได้


สนช.ผ่านฉลุยรับร่างพ.ร.บ.กกต.วาระแรก “สมชาย” ชี้ คณะกรรมการฯ 2-3 คนพ้นตำแหน่งหลังพ.ร.บ.ประกาศใช้ “ทวีศักดิ์” หวั่นผู้ตรวจการเลือกตั้ง สู้ กกต.จังหวัดไม่ได้ เหตุเป็นคนนอกพื้นที่ไม่มีความคุ้นเคย “มีชัย” แจง ช่วยไม่ได้ปมกกต.ต้องพ้นตำแหน่ง อ้างเขียนตามรัฐธรรมนูญกำหนด ชี้ กรธ.ไม่ต้องรับฟังความเห็นตาม ม.77 อีก เหตุรับฟังปชช.มามากพอแล้ว

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 เมษายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณา.ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้เสนอมา โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. กล่าวชี้แจงรายงานว่า ในส่วนของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญกกต.ฯนั้น ทางกรธ.ได้ให้องค์กรอิสระต่างๆเสนอความคิดเห็นมา และกรธ.ได้ใช้ร่างขององค์กรอิสระเหล่านั้นในการพิจารณา โดยใช้หลัก 3 ประการ คือ 1. สิ่งใดที่ร่างมาและดีอยู่แล้วก็ให้คงไว้ตามนั้น 2. สิ่งใดที่ขาดตกบกพร่องก็จะดำเนินการเพิ่มให้สมบูรณ์ขึ้น และ 3. สิ่งใดที่ต้องเพิ่มเข้ามาใหม่ เพื่อให้องค์กรอิสระมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล นอกจากนี้กรธ.ยังได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย

จากนั้นที่ประชุมเปิดให้สมาชิกอภิปราย ซึ่งส่วนใหญ่สนับสนุนในหลักการ แต่ก็ยังมีข้อสังเกตในรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าว นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สนช. อภิปรายว่า ภาพรวมเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามสนช.ได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาตัวร่างฉบับ กรธ.มาล่วงหน้าแล้ว โดยเห็นข้อดีหลายเรื่อง เช่น การมีมาตรการคุ้มครองพยานในกรณีที่การเลือกตั้งในพื้นที่มีการทุจริต ซึ่งที่ผ่านมาคนที่เป็นพยานมักไม่ได้กลับไปอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพลของบุคคลที่จะได้เป็นส.ส. เป็นต้น

ด้านนายสมชาย แสวงการ กล่าวตอนหนึ่งถึงการดำรงตำแหน่งของกกต.ชุดปัจจุบัน ว่า จากการพิจารณาของสนช.ในเบื้องต้น พบว่าจะมีกกต. จำนวน 2-3 คน ขาดคุณสมบัติตามร่างกฎหมายดังกล่าว ดังนั้นจึงขอเรียนถามอย่างตรงไปตรงมาว่า หากสนช.แปรญัตติไม่เห็นด้วยกับกรธ. เนื่องจากสมาชิกสนช.มองเป็น 2 มุม คือ กฎหมายไม่ควรรอนสิทธิเพราะเขาก็ได้รับการสรรหา ดังนั้นกกต.ชุดปัจจุบันจึงสมควรดำรงตำแหน่งจนครบวาระ อีกมุมหนึ่งมองว่า การยกร่างครั้งนี้มีเจตจำนงเพื่อเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นการปฏิรูปหรือปฏิวัติองค์กรอิสระให้มีที่มา หากแก้ไขหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กรธ.ยกร่างมานั้น จะนำไปสู่ชั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

Advertisement

นายมีชัย ชี้แจงภายหลังว่า ข้อกังวลที่ระบุว่าผู้ตรวจการเลือกตั้งจะไม่ชำนาญเหมือน กกต.จังหวัดนั้น ขออนุญาตเรียนว่าขณะสมาชิกนั่งอยู่ในสภายังรู้เลยว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปัจจุบันการสื่อสารรวดเร็วจึงไม่จำเป็นต้องลงไปฝังตัวอยู่ในพื้นที่ ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของผู้ตรวจการเลือกตั้งจะเป็นคนในพื้นที่ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน กกต.จังหวัดน่าจะบอกเบาะแสได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล

“เป็นหลักปกติที่เราจะต้องสร้างมือไม้ให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งทำงาน แต่ไม่ใช่มอบหมายหรือมอบอำนาจให้คนอื่นไปทำ และนี่ก็จะเป็นหลักใช้ตลอดไปในทุกองค์กรอิสระ ที่สำคัญเมื่อตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด มันจะเป็นรูปกรรมการ การทำงานก็จะเป็นคณะซึ่งไม่น่าจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการตรวจสอบการเลือกตั้ง แต่ถ้าเป็นรูปแบบผู้ตรวจการเลือกตั้ง เขาจะสามารถทำงานลำพังและรายงานกลับสู่ส่วนกลางด้วยตัวเขาเอง หลักนี้จะเป็นหลักที่สอดคล้องที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 77 วรรคสุดท้ายที่บอกว่าให้หลีกเลี่ยงการทำงานในรูปแบบคณะกรรมการมากที่สุด เพราะการทำงานระบบคณะกรรมการหาผู้รับผิดชอบยาก และอุ้ยอ้าย ต้องมีประชุม มีลงมติ ซึ่งการตรวจสอบการเลือกตั้งไม่สามารถนั่งรอประชุมได้ แต่ต้องไปด้วยตัวเองตามลำพัง” ประธานกรธ. กล่าว

นายมีชัย กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นใจความสำคัญมีเพียงว่าก่อนตรากฎหมายขอให้ฟังประชาชน แต่วิธีการรับฟังก็สุดแต่ลักษณะกฎหมาย ถ้าสามารถรับฟังตามจุดต่างๆได้ก็ไป แต่ถ้าไม่ได้จะใช้เทคโนโลยีให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลก็ได้ ขณะนี้ในคณะกรรมการกฤษฎีกาตกลงกันว่าจะใช้ระบบไอทีในการรับฟังความคิดเห็น โดยให้มีช่องระบุความคิดเห็นได้ นอกจากนี้ยังได้คิดให้นิติบุคคลมาขึ้นทะเบียนความสนใจในด้านต่างๆ หากมีกฎหมายที่ตรงกับที่นิติบุคคลสนใจก็จะทำหนังสือเชิญมาเพื่อแสดงความคิดเห็นผ่านระบบไอที สำหรับกรณีการนำร่างกฎหมายดังกล่าวไปรับฟังคิดเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 หรือยัง แล้วนำข้อมูลมาใช้ได้หรือไม่ ตนคิดว่าใช้ได้ เพราะหลักสำคัญอยู่ที่ว่าเรารับฟังเพียงพอหรือไม่ ทั้งนี้ สิ่งที่เรารับฟังมาจากประชาชน และประชาชนคิดเห็นอย่างไร สนช.สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว ดังนั้นวันนี้จึงไม่จำเป็นต้องรับฟังอีก เพราะจะทำให้การตรากฎหมายล่าช้าออกไป

Advertisement

นายมีชัย กล่าวต่อว่า ส่วนคุณสมบัติและข้อห้ามของกกต.นั้น รัฐธรรมนูญกำหนดไม่ยกเว้นให้คนที่มีตำแหน่งอยู่เดิม กรธ.ไม่มีทางออกที่จะบอกว่าถึงจะขาดคุณสมบัติก็ให้ดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไป เหมือนกับที่ในรัฐธรรมนูญกำหนดสนช.ให้ดำรงตำแหน่งต่อไป คุณสมบัติใดที่ไม่ได้เขียนไว้ให้ยกเว้นจะต้องปฏิบัติตาม และถ้าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามและไม่ได้รับการยกเว้น สนช.ผู้นั้นต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ด้วยหลักการเช่นเดียวกัน รัฐธรรมนูญไม่ได้ยกเว้นไว้ให้ กรธ.จึงต้องเขียนกฎหมายลูกให้สอดคล้องกัน โดยให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติกกต. หากถูกต้องก็อยู่ต่อไปจนครบวาระ หากคุณสมบัติไม่ครบก็พ้นวาระตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเขียนบทบัญญัติลักษณะนี้ กรธ.ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ เพียงแต่นึกไม่ได้ว่าจะหาทางแก้อย่างไร ถ้าทางคณะกรรมาธิการวิสามัญของสนช.คิดหาทางแก้ได้ ทางกรธ.ก็ไม่ขัดข้อง

ทั้งนี้ ที่ประชุม มติรับหลักการร่างพ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. เสนอ ด้วยคะแนน 201 ต่อ 0 งดออกเสียง 2 เสียง ทั้งนี้ ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 31 คน และกำหนดระยะเวลาดำเนินงานภายใน 45 วัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image