เชิญร่วมกันทำบุญกับโรงพยาบาล โดยวสิษฐ เดชกุญชร

ผมป่วยเป็นโรคหัวใจมานานหลายปีแล้ว เวลาโรคกำเริบบางครั้งก็เป็นลมหมดสติ แต่เคราะห์ดีที่ทุกครั้งมีญาติมิตรอยู่ใกล้ช่วยกันพยาบาลจนฟื้นและนำส่งโรงพยาบาลได้โดยเร็ว ครั้งล่าสุดคือเมื่อเช้ามืดวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ตอนนั้นผมและญาติมิตรเดินทางโดยรถยนต์ขึ้นไปบนยอดเขา อัยเยอร์เวงเพื่อไปดูทะเลหมอกที่ขึ้นชื่อลือนาม ขณะที่กำลังเดินดูหมอกอยู่นั้น โรคหัวใจของผมก็กำเริบขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ผมทรุดตัวลงแต่ยังไม่ถึงพื้นเพราะผู้ที่อยู่รอบตัวรับไว้ทันและนำผมส่งโรงพยาบาลเบตงทันที

ผมไปถึงโรงพยาบาลเมื่อประมาณ 7 นาฬิกา และเป็นบุญของผมที่คุณหมอ จิตติ จันทรมงคล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล เผอิญไปทำงานตั้งแต่เช้า และได้ผมเป็นคนไข้คนแรก คุณหมอจิตติตรวจอาการของผม ให้ยาและให้น้ำเกลือ ให้ผมนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพียง 3-4 ชั่วโมง แล้วก็อนุญาตให้ผมไปพักต่อที่โรงแรม รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งผมก็หายเป็นปกติและเดินทางต่อไปเที่ยวเกาะปีนังในมาเลเซียตามแผนได้

กลับมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ผมจึงได้ศึกษาเรื่องโรงพยาบาลเบตง ที่เกือบเป็นที่ตายแต่กลายเป็นที่รอดของผม และได้ความรู้ว่าโรงพยาบาลเบตงนั้นเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กเพียง 170 เตียง มีหมอเฉพาะทาง 15 คน เป็นหมอเฉพาะทางอายุรกรรม 3 คน และคุณหมอจิตติเป็นหมอเฉพาะทางคนเดียวที่ผ่านการอบรมตรวจหัวใจด้วยคลื่นความถี่สูง แต่ โรงพยาบาลไม่มีเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงชนิดที่มีความคมชัดสูง มีแต่เครื่องอัลตราซาวด์ที่นำมาดัดแปลงเพื่อวินิจฉัยผู้ป่วย อันเป็นเครื่องที่คุณหมอจิตติใช้ตรวจผมนั่นแหละ

ผมทราบต่อไปด้วยว่าโรงพยาบาลเบตงมีผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจไปรับบริการตั้งแต่ปี 2557-2559 ปีละประมาณกว่า 200 คน อัตราการตายของผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (อย่างผม) ในช่วงเวลาเดียวกันประมาณ 8-9 คนต่อประชากรแสนคน ถ้าโรงพยาบาลมีเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง การวินิจฉัยโรคจะทำได้แม่นยำมากขึ้น อาจลดจำนวนผู้เสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อน และทำให้สามารถส่งต่อผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมไปยังโรงพยาบาลอื่นได้ทันท่วงที

Advertisement

โรงพยาบาลเบตงมีรายจ่ายในหมวดดำเนินการค่อนข้างสูง แต่มีประชากรในความรับผิดชอบน้อย ได้รับเงินงบประมาณแบบเหมาจ่ายรายหัวค่อนข้างต่ำ ทำให้โรงพยาบาลไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับลงทุนพัฒนาศักยภาพและคุณภาพบริการเท่าที่ควร แม้จะได้รับเงินสนับสนุนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลาและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพิ่มเติม และได้รับงบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ

ผมมีฉันทาคติ (ลำเอียงเพราะรัก) ในจังหวัดยะลาและอำเภอเบตงเป็นทุนอยู่ เพราะผมเคยเรียนชั้นมัธยมในโรงเรียนคณะราษฎรบำรุงที่จังหวัดยะลา มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนเป็นชาวเบตง นอกจากนั้นผมยังเคยรับราชการตำรวจรับผิดชอบความปลอดภัยของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบันทำให้ผมเป็นห่วงทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และประชาชนทั้งที่เป็นไทยพุทธและไทยมุสลิมด้วย

ผมและญาติมิตรเห็นพ้องต้องกันว่าเราจะทำบุญด้วยการช่วยหาเงิน เพื่อให้โรงพยาบาลเบตงนำไปซื้อเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงสำหรับใช้ในโรงพยาบาล จากการสอบถามกับผู้รู้ เราทราบว่าเครื่องตรวจหัวใจชนิดนี้ราคาตกประมาณเครื่องละกว่าหนึ่งล้านบาท จัดว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหากเราช่วยกัน

Advertisement

เราตกลงและวางแผนจะทอดผ้าป่าเพื่อหาเงินจำนวนนี้มาให้โรงพยาบาลเบตงซื้อเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และได้ทาบทามวัดแห่งหนึ่งไว้แล้ว แต่จะรอไว้จนกว่าจะได้รับการยืนยันแน่นอน ในชั้นนี้ผมจะขอแต่เพียงเกริ่นไว้ก่อน เมื่อได้รับการยืนยันแน่นอนแล้วจึงจะขอบอกบุญแก่ญาติมิตรอื่นๆ และท่านผู้อ่านที่มีจิตศรัทธา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image