เมื่อวันที่ 23 เมษายน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีผลโพลของสวนดุสิตโพลที่พบว่า ปัญหาที่กระทบต่อประชาชนสูงสุดถึง 87.92% คือ ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน และปัญหารองลงมาคือ ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ในโครงการภาครัฐ ซึ่งประชาชนให้ความห่วงใยสูงถึง 76.61% สะเทือนความเชื่อมั่นในระบบธรรมาภิบาลภาครัฐอย่างรุนแรงต่อปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ดังกล่าว มีบางท่านเสนอแนะให้เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ ว่า ตนเคยให้กำลังใจกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่พยายามหาทางแก้ปัญหา แต่ก็ไม่อาจแก้ได้โดยง่าย ถึงกับเคยกล่าวไว้หลายครั้งว่า ต่อให้”ร้อยสมคิด”ก็แก้ไม่ได้ หรือจะเปลี่ยนทีม ก็ไม่อาจแก้ได้ ไม่ใช่เพราะไม่มีความรู้ ความสามารถ แต่เป็นเพราะระบบการเมือง การปกครอง ของไทยขณะนี้ ไม่เอื้อต่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การขาย การลงทุน
นายชวลิต กล่าวว่า มีข้อสังเกตว่า ในช่วงสองปีเศษที่ผ่านมา มีทูตต่างประเทศหลายประเทศได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนตามจังหวัดต่างๆ รวมตลอดทั้งเดินทางไปเยี่ยมเยียนตามพรรคการเมืองทุกพรรค เขาอยากให้เมืองไทยเข้าสู่ภาวะปกติ ความเชื่อมั่นจะกลับคืนมา จึงขอฝากเป็นข้อสังเกตว่า หลังจากกฎหมายรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ เท่ากับสถานการณ์เปิดว่าบ้านเมืองนี้จะมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ดังนั้นโจทย์ใหญ่ คือ ทำอย่างไรถึงจะสร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งทำได้โดยมีสัญญาณบวกจากภาครัฐว่าจะใช้กลไกปกติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญในการบริหารประเทศ และเลิกใช้กลไกพิเศษในการควบคุม กำกับ ดูแลการบริหารประเทศ ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลจะดำเนินการเสมือนว่าสถานการณ์ยังอยู่ในห้วงปฏิวัติ รัฐประหาร ทั้งที่ใช้เวลาในการบริหารประเทศจะครบ 3 ปีแล้ว
นายชวลิต กล่าวว่า มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า เมื่อการเมืองการปกครองไม่ปกติ นักลงทุนจึงขาดความเชื่อมั่น เห็นได้จาก แม้แต่คนไทยด้วยกันเองยังไม่กล้าลงทุน มีแต่การลงทุนจากภาครัฐขาเดียวเท่านั้น ซึ่งอาจเปรียบเทียบให้เห็นว่า แล้วเราจะทำให้ประเทศพิการด้วยการเดินขาเดียวโดยภาครัฐเท่านั้นได้อย่างไร ไม่ทำร้ายประเทศมากไปหรือ จึงขอฝากรัฐบาลเร่งส่งสัญญาณบวก ให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ในการบริหารประเทศ คงไม่มุ่งหวังให้รัฐบาลมั่นคงเท่านั้น แต่จะสมบูรณ์ควรทำให้ประเทศชาติและประชาชนมั่นคงด้วย”นายชวลิต กล่าว
