ศาลยกฟ้อง ลุงติดป้าย ‘เผด็จการจงพินาศ ปชต.จงเจริญ’ ชี้เป็นคำนามธรรม ไม่กระทบร่าง รธน.

ภาพและข้อมูลจาก ILaw

24 เมษายน 2560 เวลา 9.00 ศาลจังหวัดเชียงใหม่นัดอ่านคำพิพากษา ในคดีที่สามารถถูกกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ประชามติฯ มาตรา 61 วรรคสอง จากการแจกใบปลิว Vote No ก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันฟังคำพิพากษาจำเลยพร้อมทนายความ เดินทางมาศาล โดยมีเพื่อนของจำเลยมาให้กำลังใจ 4 คน พร้อมผู้สังเกตการณ์ อีก 6 คน

คดีนี้ สามารถ อายุ 64 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ถูกจับกุมเมื่อ วันที่ 23 กรกฎาคม 2559 โดยตำรวจทหาร หลายสิบนายมานำตัวไปจากบ้านพัก หลังสามารถนำใบปลิวมีรูปภาพสามนิ้วและข้อความว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ 7 ส.ค. VOTE NO” ไปเสียบที่กระจกรถยนต์ ในห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า จ.เชียงใหม่ หลังถูกจับกุมสามารถเคยถูกส่งไปฝากขังในเรือนจำ 9 วัน ก่อนได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี ในชั้นพิจารณาคดี จำเลยได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายจาก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ฝ่ายจำเลยยอมรบว่า ได้แจกใบปลิวจริงตามที่ถูกฟ้อง แต่เนื้อหาของใบปลิวไม่ได้ผิดกฎหมาย เป็นสิทธิในการแสดงออกที่สามารถทำได้ และการจับกุมกับการสอบสวนทำโดยทหารซึ่งไม่มีอำนาจเกี่ยวข้องในคดีนี้

ศาลจังหวัดเชียงใหม่ อ่านคำพิพากษา สรุปใจความได้ว่า การกระทำอันจะถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติฯ มาตรา 61 ต้องมีองค์ประกอบอย่างน้อยสี่ประการ คือ 1) ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การลงประชามติไม่เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย 2) ตามวรรคสอง ระบุว่า ต้องมีการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือในช่องทางอื่นใด ซึ่งข้อความที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ 3) ผู้กระทำต้องมีเจตนาตามธรรมดาที่จะเผยแพร่ข้อความนั้น 4) ผู้กระทำต้องมีเจตนาพิเศษ มุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง

เมื่อพิจารณาจากข้อความในใบปลิว คำว่า #เผด็จการ ตามพจนานุกรม หมายถึง การใช้อำนาจบริหารเด็ดขาด โดยผู้นำคนเดียว คำว่า #พินาศ หมายถึง เสียหายโดยสิ้นเชิง ซึ่งข้อความดังกล่าวมีลักษณะเป็นนามธรรม เป็นการระบุถึงเรื่องทั่วๆ ไป ไม่ได้หมายถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ หากจะตีความให้หมายถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็ไม่อาจโยงไปถึงร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ บุคคลธรรมดาเมื่ออ่านข้อความในใบปลิวแล้วไม่อาจโยงไปถึงการออกเสียงประชามติได้ และบุคคลที่จะมีสิทธิออกเสียงประชามติต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ มีวุฒิภาวะพอที่จะตัดสินใจเองได้ ข้อความในใบปลิวจึงไม่อาจชักจูงใจให้ไม่ไปใช้สิทธิออกเสียงหรือไปออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่งได้

Advertisement

คำว่า #เผด็จการจงพินาศประชาธิปไตยจงเจริญ ยังเป็นคำที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และใช้กันทั่วไปในหมู่ผู้รักประชาธิปไตย ก่อนที่จำเลยจะนำมาใช้ในใบปลิว พ.ร.บ.ประชามติฯ เป็นกฎหมายที่มุ่งให้เกิดความเที่ยงธรรมในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มุ่งจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ดังที่มาตรา 7 ของพ.ร.บ.ประชามติฯ ก็ยังระบุไว้ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย จึงไม่อาจตีความกฎหมายให้เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพเกินกว่าที่จำเป็น พ.ร.บ.ประชามติฯ เป็นกฎหมายอาญา ต้องตีความโดยเคร่งครัด ไม่อาจตีความว่าข้อความในใบปลิวมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ ได้ แม้โจทก์จะมีพยานเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เบิกความยืนยันว่า ข้อความดังกล่าวมีลักษณะรุนแรง เป็นการปลุกระดมทางการเมือง ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว โจทก์ไม่มีกรรมการการเลือกตั้ง กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามาเบิกความยืนยันในประเด็นนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด ศาลพิพากษายกฟ้อง กระดาษใบปลิวของกลางในคดีนี้จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด หรือมีไว้เป็นความผิด เห็นสมควรให้คืนแก่จำเลย

หลังฟังคำพิพากษา จำเลยกล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือตนเองในคดีนี้ รวมทั้งทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อฟังคำพิพากษาแล้วด้านหนึ่งก็รู้สึกว่า ความเป็นธรรมยังหาได้ในประเทศนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคนที่จะหยิบยื่นให้ ท่านผู้พิพากษาในคดีนี้มีใจเป็นธรรม การต่อสู้คดีนี้อย่างน้อยก็เกิดบรรทัดฐานหรือจุดประกายเล็กๆ ว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องของการต่อสู้ให้ได้มา ไม่ใช่การร้องขอ ชัยชนะในคดีนี้ไม่ใช่ของตนเอง เพราะตนเองไม่มีอะไรเลยเพียงแค่ไปแสดงออกเฉยๆ แต่เป็นชัยชนะของประเทศและประชาชนทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image