ชายชาวญี่ปุ่นมาสักการะพระบรมศพ ในหลวง ร.9 ด้วยความเลื่อมใส ขอเดินตามรอยช่วยคนด้อยโอกาส

วันที่ 24 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้าสักการพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 173 แล้วนั้น พสกนิกรจากทั่วทั้งประเทศยังคงทยอยเดินทางมาเข้าคิวสักการะกันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางอากาศร้อนจัด โดยเฉพาะนักเรียนและครูจากจังหวัดต่างๆ ที่ใช้เวลาช่วงปิดเทอมมาร่วมกราบพระบรมศพ ทั้งนี้ ประชาชนที่เข้ากราบแล้วจำนวนมาก ยังได้ซื้อไดอารี่พระราชทานที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่ที่ประตูศรีสุนทร ไว้เป็นที่ระลึกและร่วมทำบุญอีกด้วย

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 23 เมษายน หลังสำนักพระราชวังปิดในเวลา 21.02 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 31,778 คน รวม 172 วัน มี 6,396,159 คน

นางสาวภัทรา และ นายโคจิ แฟนหนุ่ม

นางสาวภัทรา จริงสันเทียะ อายุ 33 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว อาศัยอยู่ย่านบางนา กรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก กับแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้มาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ เมื่อขึ้นไปกราบพระบรมศพแล้ว ก็รู้สึกตื้นตันใจ ภูมิใจที่ได้มาสักครั้ง เพราะไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จในหลวง ร.9 มาก่อนในชีวิต แม้จะเป็นคนรุ่นหลังก็ได้ติดตามข่าวพระราชสำนักอยู่เสมอๆ รวมถึงคำสอนอย่างพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย เป็นสิ่งที่นำมาปรับใช้ได้ง่ายที่สุด เพียงเก็บออม ไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็น อย่างการประกอบอาชีพนี้ ก็เน้นการเอื้ออารีกับคนรอบข้าง ประหยัด ไม่มุ่งหน้าจะทำกำไรหรือร่ำรวยจนทิ้งคนรอบข้างหรือเอาเปรียบใคร เป็นสิ่งที่นำมาประยุกต์ได้ สำหรับแฟนชาวญี่ปุ่น ก็ได้พูดให้เขาฟังว่าในหลวง ร.9 ทรงทำทุกอย่างเพื่อคนไทย ให้ประเทศพัฒนาก้าวหน้าขึ้น อย่างการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าและเพาะปลูก ซึ่งที่ญี่ปุ่นเองก็มีข่าวอยู่ตลอดทำให้แฟนรู้จักกับพระองค์อย่างดี

ด้าน นายโคจิ ซูซูกิ แฟนหนุ่ม รองประธานบริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ใช้ช่วงเวลาที่มาเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย มาร่วมสักการะพระบรมศพ กล่าวว่า มากราบด้วยความเคารพนับถือในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากหลังพระองค์เสด็จสวรรคต โทรทัศน์ช่องต่างๆ ก็ได้นำเสนอข่าวพระราชกรณียกิจของพระองค์ รวมถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศนับสัปดาห์ จึงเกิดความเลื่อมใส ที่ได้เห็นว่าพระองค์ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ไปพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ช่วยคนจนในชนบทได้มีอาชีพที่ดี มีไฟฟ้า มีน้ำใช้ รวมถึงหลังจากเสด็จสวรรคตสมเด็จพระจักรพรรดิของประเทศญี่ปุ่นก็ได้เสด็จฯมาถวายความอาลัยเช่นกัน และมีการรวมตัวของคนไทยที่มาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน ทำให้รู้ว่าทรงเป็นศูนย์รวมความรักของคนไทย จึงอยากเดินตามรอยพระองค์ นำเงินต่างๆ ที่มีช่วยเหลือคนด้อยโอกาสด้วย

Advertisement
นางเหลือง สุขนา

นางเหลือง สุขนา อายุ 75 ปี ซึ่งเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพจาก จ.ยโสธร กล่าวว่า ดีใจมากๆ ที่หลานพามากราบสักการะพระบรมศพ ที่ผ่านมาก็ไปลงชื่อกับอำเภอต่างๆ แต่ไม่มีโอกาสได้มาสักที เมื่อหลานว่างพามาจึงรู้สึกดีใจมากๆ พอได้ขึ้นไปกราบก็ถึงกับน้ำตาไหลไม่รู้ตัว คิดถึงพ่อหลวงมาก เพราะรักพระองค์เหมือนพ่อ ตนรักทุกอย่างที่พระองค์ทำเพื่อคนไทย ด้วยความเป็นชาวนาก็ได้ใช้ประโยชน์จากพระราชกรณียกิจของพระองค์ไม่น้อย อย่างเรื่องปุ๋ยอินทรีย์ที่แต่ก่อนใช้ปุ๋ยเคมี เมื่อพระองค์ได้สอนให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างปุ๋ยคอก มาผสมกับเชื้อปุ๋ย ผลผลิตก็ดีขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายก็ลดลง นอกจากนี้ ชีวิตที่บ้านก็ดีขึ้น จากแต่ก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ตะเกียงน้ำมัน พระองค์ก็พระราชทานไฟฟ้าให้พวกเรา ทำให้ความเป็นอยู่ดี ทุกวันนี้รู้สึกใจหายที่เหลือเวลาอีกไม่นานแล้วได้แต่มองพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ที่บ้านทุกๆ วัน

ผศ.ดร.จรรยา เหลียวตระกูล

ผศ.ดร.จรรยา เหลียวตระกูล อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เดินทางมาพร้อมลูกชาย ด.ช.รัชพล เหลียวตระกูล นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ กล่าวว่า มาเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และทุกครั้งที่กราบสักการะพระบรมศพ รู้สึกใจหาย และคิดว่าพระองค์จากเราไปแล้วจริงๆ เหรอ ในหลวง ร.9 ทรงเป็นต้นแบบที่ทำให้ตนอยากเป็นครูดังพระบรมราโชวาทที่ว่า “เป็นครูใช่ไหม ฝากช่วยสอนให้เขาเป็นคนดีด้วย” ดังนั้น จึงตัดสินใจศึกษาด้านครุศาสตร์ แล้วก็ได้มาเป็นครูเพื่อประสิทธิประสาทวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์ทุกคนด้วยความตั้งใจ เพื่อให้เขาออกไปเป็นบุคลากรที่มีคุณค่ากับแผ่นดิน โดยยึดหลักความรู้ คุณธรรม มาสอนนักศึกษาทุกคน ให้เขามีหลักในการใช้ชีวิต อยู่บนความไม่ประมาท และในฐานะที่เป็นข้าในพระองค์ ตนจึงได้ยึดหลัก คิดดี ทำดี พูดดี ตามคำสอนของในหลวง ร.9 เป็นหลักในการรับราชการ จนทำให้เมื่อปี พ.ศ.2556 ได้รับรางวัลข้าราชการดีเด่น ของกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนในครอบครัวและตัวเองก็ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิต สอนลูกให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง รู้คุณค่าของเงิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image