ร้อนตับแลบ! ตลาดแอร์แข่งเดือดชิงลูกค้า ผู้ผลิตดี๊ด๊าคาดยอดขายพุ่ง

dav

นายสมยศ กีรติชีวนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิทไว้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศแบรนด์ทาซากิ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศ และสร้างอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เป็นศูนย์อบรมระบบปรับอากาศแบบครบวงจร อาทิ ห้องทดลองคุณภาพเครื่องปรับอากาศ ห้องผลิตเครื่องปรับอากาศพิเศษที่ใช้ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล โดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 2,000 ล้านบาท แยกเป็นยอดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศแบรนด์ทาซากิ 600 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการรับจ้างผลิตสินค้า (โออีเอ็ม) ให้กับต่างประเทศในตะวันกลางและยุโรป และการจำหน่ายชิ้นส่วนและอะไหล่เครื่องปรับอากาศ รวม 1,400 ล้านบาท

นายอุทัย โลหชิตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ทาซากิ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะขยายตลาดในกลุ่มเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยและแบบติดผนังมากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์ทาซากิให้เป็นเครื่องปรับอากาศแบรนด์ไทยอันดับ 1 ภายใน 3 ปีหลังจากนี้ จากปัจจุบันติด 1 ใน 3 โดยตั้งเป้าเติบโต 40% หรือมูลค่า 1,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาท ภายใน 3 ปี

สำหรับตลาดรวมเครื่องปรับอากาศปี 2559 มีมูลค่า 20,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% จากปัจจัยสภาพภูมิอากาศปีนี้ที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น และการแข่งขันในตลาดเครื่องปรับอากาศเพิ่มต่อเนื่องทุกปีตลอด10-15 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าบางปีเศรษฐกิจจะชะลอตัว ทำให้อัตราการครอบครองเครื่องปรับอากาศภายในบ้านของไทยมีประมาณ 30% และมองว่าตลาดมีโอกาสเติบโตได้มากในช่วง 3-5 ปีหลังจากนี้ เพราะเมื่อเทียบกับอัตราครอบครองเครื่องปรับอากาศภายในบ้านในภูมิภาค อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้ว จะมีอัตราการครอบครองประมาณ 80%

นอกจากนี้ ทิศทางการเติบโตเครื่องปรับอากาศเห็นได้ชัดคือ ผู้ประกอบการเครื่องปรับอากาศแบรนด์ไทยที่เน้นทำตลาดอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ เป็นหลัก อาทิ สตาร์แอร์ ทาซากิ เซ็นทรัลแอร์ ยูนิแอร์ ซัยโจเด็นกิ จะหันมาทำตลาดกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมากขึ้น โดยปัจจุบันตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้านแบรนด์ไทย มีมูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท

Advertisement

นายณรัณ ศิริสันธนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิแอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ”ยูนิแอร์” กล่าวว่า ปีนี้มีแผนรุกตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ โรงงานอุตสาหกรรม และสำหรับที่พักอาศัยต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีรายได้จากเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 75% และเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 25% โดยเตรียมแผนจะหาตลาดรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มภายในบ้าน และเตรียมออกสินค้าใหม่ 100 รายการ รวมถึงขยายตลาดอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ ในเรือเฟอร์รี่ ซึ่งเตรียมใช้งบลงทุนผลิตและงบการตลาดรวม 20 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้าเพิ่มรายได้ 15% ในปี 2560 จากปี 2559 ที่มีรายได้ 400 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 500-600 ล้านบาทภายใน 5 ปี

นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หน้าร้อนปีนี้ ตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้านน่าจะเติบโตได้ดีและโตขึ้น 10 % มีมูลค่าตลาดรวม 33,000 ล้านบาท จากปัจจัยสภาพภูมิอากาศ และอัตราการครอบครองของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังน้อย โดยภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศ ช่วงไตรมาสแรกเดือน เติบโตดีขึ้น พบว่า 3 ปีที่ผ่านมา เติบโต 8% แต่เดือนเมษายนปีนี้ อุณหภูมิค่อนข้างสูง ตลาดเครื่องปรับอากาศโตขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มหน้าร้อนของแอลจี จะมีสินค้า 2 ประเภท คือ เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น ปีนี้จะมีสินค้าออกใหม่หลายรายการ รองรับความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ตั้งเป้ายอดขายกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทย 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 10%

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image