วันที่ 24 เมษายน 2560 นางสาวสมลิ้ม บัวบุศย์ อายุ 73 ปี อยู่ที่ ต.ปากท่า อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางให้ปากคำเพิ่มเติมกับร.ต.ต.บุญเลิศ เชิดบารมี รองสว.สอบสวน สภ.ปากท่า อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังถูกคนร้าย ทำทีเป็นกลุ่มนายหน้ามาหาซื้อที่ดินแล้วลอกขอยืมเงินเพื่อไปซื้อที่ดินไปขาย จะได้ส่วนแบ่งจำนนวนมาก หลงเชื่อไปถอนเงินสดจากธนาคาร กว่า 400,000 บาท
นางสาวสมลิ้ม กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายได้เข้ามาสอบถามหาซื้อที่ดิน ในวันที่มีการมอบเงินผู้สูงอายุ ภายในหมู่บ้าน ต่อมาอีกวัน กลุ่มคนร้ายเป็นชาย3 คนและหญิง 1 คน ขับรถยนต์เก๋งมาหาตนเองที่บ้าน สอบถามหาชื่อคน บอกว่าอยู่ใกล้วัดทอง ไปไม่ถูกให้พาไป ตนเองจึงขึ้นรถพาไป ระหว่างทางจะพูดคุยสอบถามอะไรต่างๆ ตลอดสองข้างทาง จนไปพบกับชายคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างรถยนต์กระบะ ที่จอดอยู่กับที่นา คนร้ายได้จอดรถแล้วลงไปสอบถามพูดคุย ว่าอยากจะขายที่ดิน รีบใช้เงิน แต่ติดตรงที่ว่าโฉนดเอาไปจำนองไว้ประมาณ500,000 บาท กลุ่มคนร้ายในรถจึงได้นำเงินออกมานับพบว่ามีเงินเพียง 100,000 บาท และมีการโทรศัพท์คุยกับชายอีกคน ให้ที่ราคาสูง กลุ่มคนร้ายได้สอบถามตนว่ามีเงินบ้างหรือไม่ขอยืมก่อนหากขายที่ได้แล้ว จะแบ่งส่วนแบ่งให้ร้อยละ10 ฟังคนร้ายพูดหลายรอบจนหลงเชื่อ คนร้ายพาไปเบิกเงินจากธนาคาร 400,000 บาท จากนั้นคนร้ายพามาส่งที่บ้านบอกจะไปทำสัญญาแล้วนำเงินมาคืนให้ ตนเองหลอกจนผ่านไปเป็นวันสองวันไม่เห็นมาจึงคิดว่าถูกหลอกแน่ จึงเดินทางเข้ามาแจ้งความ รู้สึกเสียดายเงินมามาก เงินทั้งหมดเก็บมาทั้งชีวิต ทำสวนทำนา แบ่งให้เช่าที่ดิน มาถูกหลอกไปจนหมดตัว
ด้านพ.ต.ท.ขวัญชัย เผือกพูนผล รองผกก.สส. ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้นำภาพถ่ายพร้อมประวัติกลุ่มคนร้าย ที่เคยก่อเหตุลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ ภาคกลางและภาคตะวันตก มาแล้วหลายครั้ง และมีการจับกุมตัวได้แต่กลุ่มคนร้ายจะชดใช้ค่าเสียหายกับผู้เสียหาย เพราะเป็นคดีฉ้อโกง สามารถยอมความกันได้ แล้วคนร้ายก็กลับมาก่อเหตุกันใหม่ กลุ่มคนร้ายมีกันหลายคน กระจายกันทำงานในแต่ละพื้นที่สร้างละครขึ้นมา เหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นคนชราที่อยู่บ้านตามคนเดียว ผู้เสียหายจำคนร้ายได้บางส่วนอยู่ระหว่างการติดตามสืบสวนจากภาพกล้องวงจรปิด ติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
