ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
“ไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้น” โดยเปรียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นสิ่งที่คนชั้นนำของไทย สร้างสำนึกให้คนไทยทุกระดับยืดอกยกตนข่มท่านอย่างภาคภูมิและสง่าผ่าเผย
แท้จริงแล้วไทยไม่ตกเป็นอาณานิคม “อย่างเป็นทางการ” แต่ในทางสากลล้วนรับรู้ทั่วไปว่าไทยเป็นอาณานิคมอย่าง “ไม่” เป็นทางการ
นิธิ เอียวศรีวงศ์ บอกไว้ในบทความเรื่องภาวะอาณานิคม (มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 4-10 พฤศจิกายน 2559 หน้า 30) มีสาระสำคัญว่าไทยอยู่ใต้ผลกระทบของ “ภาวะอาณานิคม” ไม่ต่างอะไรจากประเทศที่ตกเป็นอาณานิคมอย่างเป็นทางการ ดังนั้นวัฒนธรรมตะวันตกที่ไทยรับเข้ามา ถูกกำหนดจากเงื่อนไขของเศรษฐกิจแบบอาณานิคม, การเมืองแบบอาณานิคม, สังคมแบบอาณานิคม
รวมทั้งการศึกษาประวัติศาสตร์โบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ ฯลฯ ล้วนเป็นแบบอาณานิคม ตามที่ เบน แอนเดอร์สัน ค้นคว้าวิจัยพบหลักฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วนจำนวนมาก ในหนังสือชุมชนจินตกรรม (ภาษาไทย พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2552)
ประวัติศาสตร์แห่งชาติของไทย ที่ครูอาจารย์สถานศึกษาบังคับให้ท่อง เพื่อกล่อมเกลาให้จำ (บางเรื่อง) ทำให้ลืม (หลายเรื่อง) จึงเป็นประวัติศาสตร์ไทย (ได้จากพงศาวดาร) แบบอาณานิคม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของไทย เป็นพิพิธภัณฑ์แบบอาณานิคม (เมื่อศตวรรษที่แล้ว) จึงไม่ต้องประหลาดมหัศจรรย์ใจที่ไปดูพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ไม่ว่าในจังหวัดไหน?) แล้วไม่รู้เรื่อง
เพราะพิพิธภัณฑ์แบบอาณานิคม (และแบบหลังอาณานิคม) ไม่ได้ทำเพื่อตอบสนองคนพื้นเมืองในไทย แต่ทำไว้ตอบสนองความต้องการของชาวตะวันตกเจ้าอาณานิคม และคนชั้นนำของไทย โดยเก็บของเก่ามีค่าที่เรียกศิลปวัตถุของคนชั้นสูง แต่ไม่มีสิ่งของเกี่ยวข้องความทรงจำการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองสู่ประชาธิปไตย เมื่อ 24 มิถุนายน 2475
ขณะเดียวกัน ข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรม กับกระทรวงศึกษาธิการ ตำหนิติเตียนนักเรียนและเยาวชน รวมทั้งสามัญชนคนทั่วไปว่าไม่รักชาติ ไม่รู้จักประวัติศาสตร์ของชาติเพราะไม่เข้าหาความรู้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยไม่สำรวจตนเองว่าพิพิธภัณฑ์เหล่านั้นชวนเข้าไปหาความรู้หรือไม่?