นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยถึงเหตุการณ์ปลากะพงที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในกระชังริมทะเลสาบสงขลา พื้นที่หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 9 ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา ลอยตายติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ผู้เลี้ยงปลาได้รับความเดือดร้อนนั้น ได้สั่งการให้สำนักงานประมงจังหวัดสงขลาเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงมาตั้งแต่เกิดเหตุ ขณะนี้ได้รับรายงานว่าปริมาณการตายของปลากะพงขาวลดลงแล้ว ซึ่งน่าจะมาจากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำอย่างฉับพลัน การสังเคราะห์แสงของแพลงก์ตอนพืชในช่วงที่มีแสงก็ลดลง ส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง บริเวณแหล่งเลี้ยงปลากระชังมีสภาพตื้นเขิน ผนวกกับอากาศที่ร้อนจัด ทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงมาก การละลายและหมุนเวียนของออกซิเจนจึงน้อยลง เป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะการขาดออกซิเจนและช็อกตาย
จากข้อมูลพื้นที่ ต.เกาะยอ จำนวน 9 หมู่บ้าน มีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง 323 ราย จำนวน 1,838 กระชัง พื้นที่ 81,147 ตารางเมตร โดยพบว่ามีจำนวนเกษตรกรจาก 2 หมู่บ้านคือ หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 9 ที่ได้รับผลกระทบ 40 ราย มีปริมาณสัตว์น้ำที่ตาย 80 ตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 12 ล้านบาท
ขณะนี้กรมประมงได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหาแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน แนะนำให้เกษตรกรเร่งเพิ่มออกซิเจน โดยวิธีปั๊มออกซิเจนร่วมกับใช้เครื่องสูบน้ำพ่นน้ำร่วมด้วย และร่วมกับจังหวัดสงขลาหาทางเยียวยาและจัดทำโครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเลี้ยงปลากะพงขาวในกระชังโดยใช้งบยุทธศาสตร์จังหวัดสงขลา
ส่วนระยะยาว ดำเนินการชี้แจงและทำความเข้าใจกับผู้เลี้ยงปลากะพงขาวให้ทราบถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะลดจำนวนอัตราการปล่อยปลาลงเลี้ยง การวางกระชังเลี้ยงในทะเลให้มีระยะห่างพอสมควร เพื่อให้การไหลเวียนของน้ำสะดวกขึ้น
