สหรัฐคงสถานะไทย “ต้องจับตามองเป็นพิเศษ” ต่อเนื่องปีที่ 10 เผยเดินถูกทางปมละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประกาศผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าตามกฎหมายการค้าสหรัฐ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2559 โดยสหรัฐยังคงจัดไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List – PWL) ต่อไป หลังจากที่อยู่บัญชีพีดับเบิลยูแอล มาตั้งแต่ปี 2550 อย่างไรก็ดี ยูเอสทีอาร์ระบุในรายงานด้วยว่าพร้อมที่จะทบทวนสถานะของไทยให้ดีขึ้นในปีนี้ หากไทยยังคงมีความก้าวหน้าเชิงบวกในการแก้ไขปัญหาข้อกังวลด้านทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ

นางอภิรดีกล่าวว่า แม้ไทยจะคงอยู่ในสถานะเดิม แต่หากดูในเนื้อหารายงาน จะเห็นว่ามีความแตกต่างจากรายงานผลการจัดสถานะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กล่าวคือ สหรัฐตระหนักถึงเจตจำนงที่แน่วแน่ในระดับนโยบายของไทย โดยเฉพาะกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อสาธารณชนถึงความสำคัญของการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบ่อยครั้ง ตลอดจนมีการกำหนดแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาระยะ 20 ปี (IP Roadmap) ที่รวมถึงเรื่องการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งทำให้การบูรณาการระหว่างหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมุ่งเน้นเป้าหมายการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดมากขึ้น

ในส่วนข้อกังวลที่สหรัฐเคยระบุในรายงานในปีที่ผ่านมา อาทิ ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในท้องตลาดและการละเมิดออนไลน์ และปัญหางานค้างการจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า สหรัฐเห็นว่าไทยได้ดำเนินการในทิศทางที่เหมาะสมแล้ว รวมทั้งการเพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบของกรมทรัพย์สินทางปัญญา

นางอภิรดีกล่าวอีกว่า เห็นว่าข้อกังวลของสหรัฐในการประเมินสถานะที่ผ่านมารวมทั้งในครั้งนี้ มีหลายเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเองจะต้องนำมาพิจารณาในบริบทที่เหมาะสม บางเรื่องเราสามารถที่จะทำความเข้าใจเพิ่มเติมกับสหรัฐได้ เช่น เรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ในประเด็นการคุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยี การคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิ และการป้องกันการแอบถ่ายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งสหรัฐแสดงความกังวลมาอย่างต่อเนื่อง กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เคยเปิดรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งไทยและต่างประเทศ แต่ก็ไม่มีเจ้าของลิขสิทธิ์รายใดนำเสนอข้อมูลว่ามีปัญหาอุปสรรคแต่อย่างใด

Advertisement

เนื่องจากข้อกังวลส่วนหนึ่งที่สหรัฐระบุในรายงานหรือต้องการผลักดันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เช่น กรณีกฎหมายภาพยนตร์ให้อำนาจคณะกรรมการตามกฎหมายในการกำหนดโควต้าภาพยนตร์ต่างประเทศ กรณีร่างกฎหมายความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลการติดต่อสื่อสารของภาคเอกชน กรณีการให้ความคุ้มครองข้อมูลผลการทดสอบยาและเคมีภัณฑ์เกษตร ที่สหรัฐต้องการยกระดับความคุ้มครอง และกรณีการกำหนดมาตรการด้านสาธารณสุข ที่สหรัฐเน้นย้ำว่าควรมีกระบวนการที่โปร่งใสและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเจ้าของสิทธิได้เข้าไปมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ในการนี้กระทรวงพาณิชย์จึงจะรายงานผลการจัดสถานะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย

“ในลำดับต่อไป ไทยจะดำเนินการตามแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย และโดยประการสำคัญเพื่อพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยเอง เนื่องจากทรัพย์สินทางปัญญาเป็นกลจักรสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดการเติบโตด้านการค้าและการลงทุน ตลอดจนการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทางประเทศไทย 4.0” นางอภิรดีกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image