‘ไก่อู’ชี้’เรือดำน้ำ’จำเป็น เพิ่มศักยภาพปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

เมื่อวานนี้ (28 เมษายน ) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีและรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมเวทีเสวนา รวมพลสื่อบึงกาฬ เพื่อการสร้างสรรค์ ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมเดอะวัน อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ในเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ โดย พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ผมก็ตกเป็นจำเลยกับเขานะ ออกมาจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ไม่ได้แถลงเรื่องเรือดำน้ำ ผู้สื่อข่าวบรรดาใครต่อใครในโลกโซเชียลมีเดีย หนังสือพิมพ์ก็มี ก็ลงโจมตีกันว่ารัฐบาลนี้งุบงิบอนุมัติผ่านเรือดำน้ำ ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องซื้อเลย เรายังญาติดีอยู่กับทุกประเทศโดยรอบ ทำไมเราจะต้องซื้อเรือดำน้ำ มันไม่น่าจะจำเป็นตรงไหนเลย

 

“กระผมขอเรียนชี้แจงอย่างนี้ว่า ท่านดูประเทศรอบบ้านเรา วันนี้แทบจะจูบปากกับทุกคน ญาติดีต่อกัน ย้อนหลังไปประมาณสัก 4-5 ปี ตอนนั้นผมทำหน้าที่เป็นโฆษกของกองทัพบก ก็นั่งรายงานข่าวสารให้พี่น้องประชาชนผ่านทีวี ผ่านวิทยุผ่านหนังสือพิมพ์ว่าเรายิงปืนใหญ่ใส่ประเทศเพื่อนบ้านกัน วันนั้นอาจจะมีความคับข้องหมองใจ คิดไม่ตรงกัน เขาเองก็ยิงลูกปืนใหญ่ใส่บ้านเราเหมือนกัน แต่ระยะเวลาผ่านมาไม่กี่ปี มาวันนี้เราก็ดีกันซะ เรามาจ๊ะจ๋ากัน แล้วอนาคตในวันข้างหน้าล่ะอาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้เช่นกัน ดูประเทศเพื่อนบ้านเรา เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม มาเลเซีย ทุกประเทศมีเรือดำน้ำหมด ถ้าเราคิดว่าเราสมานฉันท์กัน ทำไมประเทศเหล่านี้ถึงมีเรือดำน้ำ” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

 

Advertisement

พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีกว่า จึงเป็นความจำเป็นของเราที่จะต้องมีศักยภาพทางด้านการป้องกันประเทศ เพราะในทะเลของไทยเรานั้นมันมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่เป็นทรัพย์สมบัติของชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเราไม่มีศักยภาพทางทหาร วันหนึ่งทรัพยากรทางธรรมชาติลดลง ประเทศจะมีการแก่งแย่งทรัพยากรทางธรรมชาติกันเป็นอย่างมาก เราจะต้องสามารถปกป้องพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติไว้ให้พี่น้องประชาชนได้ ถ้าเรามีศักยภาพทางทะเลเทียบเท่าเขาไม่ได้เราจะลำบาก ก็เปรียบเสมือนคนตัวเล็กกับคนตัวโต คนตัวเล็กจะถูกคนตัวโตรังแกเสมอ เราจึงต้องตัวไม่เล็กนัก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเสริมสร้างเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพ

 

“กองทัพเรือเขาเรียนวิชานี้มาทั้งชีวิต เขาพิจารณาแล้วว่ามันมีความจำเป็น มีสื่อบางสื่อที่ไม่ใช่สื่อในพื้นที่หรอก ส่วนใหญ่จะเป็นสื่อที่อยู่ส่วนกลางที่ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก พยายามเอาคำสัมภาษณ์ท่านนายกฯ ท่านรองนายกฯ ท่านผู้บัญชาการทหารเรือ ไปเปรียบเทียบกับนักวิชาบางท่าน ทำไมเราจะต้องซื้อเรือดำน้ำเพราะว่าลำหนึ่งมันหลายสตางค์ ลองเอาสตางค์มาแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา รายละ 1,000 บาทไม่ดีกว่าหรืออย่างน้อยก็ทำให้ชีวิตดีขึ้น ผมเรียนว่าประเทศจะเจริญก้าวหน้ามันจะต้องทำทุกอย่างไปพร้อมๆ กัน เราจะดูแลช่วยเหลือแค่พี่น้องเกษตรกร พี่น้องชาวนา หรือพี่น้องสาขาอาชีพไหนๆ อย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ ทุกกิ่งก้านสาขาอาชีพจะต้องก้าวหน้าไปพร้อมๆ กัน เพราะฉะนั้นจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ รัฐบาลจำเป็นจะต้องดูแลทั้งประเทศ เพื่อให้แต่ละภาคส่วนสามารถที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีหน้าที่ที่จะป้องกันประเทศ รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเอาไว้ด้วย” พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีก

Advertisement

 

พล.ท.สรรเสริญกล่าวเพิ่มด้วยว่า ทหารเรือเองเขาก็ไม่ได้มาแย่งเงินงบประมาณจากพี่ๆ น้องๆ นะ แต่มันเป็นงบประมาณที่เขาได้รับของเขาเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเขาจะซื้อเรือดำน้ำเขาก็จะต้องไปลดค่าใช้จ่ายของเขาเองในรายการอื่นๆ เพื่อเจียดจ่ายเงินเอามาซื้ออุปกรณ์ที่มีความจำเป็นต่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติ แล้วการลดงานอย่างอื่นลงก็ยังคงต้องรักษาประสิทธิภาพของงานให้คงอยู่เท่าเดิมด้วยนะ จึงเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง ก็ขอวิงวอนพี่น้องประชาชนให้เข้าใจว่ามันมีความจำเป็นด้วยประการฉะนี้ ไม่ได้จะซื้อเรือดำน้ำมาขับเล่นเท่ๆ หรือเห็นคนอื่นเขามีฉันก็ยากจะมีบ้าง ไม่ใช่อย่างนั้น ก็อยากจะให้พี่น้องสื่อในพื้นที่ จ.บึงกาฬช่วยอธิบายให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้าใจ ลำพังกระผมเพียงคนเดียวไม่สามารถจะไปป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับทราบได้เพื่อจะให้ทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลทำงานเพื่อความเจริญของคนทั้งชาติ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของคนหนึ่งคนใดเลย แล้วการซื้อเรือดำน้ำในครั้งนี้ก็เป็นการซื้อแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่ได้เป็นการซื้อต่อบริษัทเพื่อจะหวังเงินค่าคอมมิสชั่นหรือค่าอามิสสินจ้างมาใส่กระเป๋าใครโดยเด็ดขาด แล้วทำไมต้องซื้อของจีน ซื้อของคนอื่นไม่ได้หรือ เขาได้เปรียบเทียบดูกันแล้วว่าของจีนเป็นราคาที่ถูกที่สุด เมื่อเรามีสตางค์อยู่เพียงน้อยนิด เราก็พยายามซื้อของที่ราคาไม่แพงนัก พอให้เราสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ หรือประเทศไทยไม่สามารถฝากชีวิตของคนทั้งประเทศไว้กับอาวุธยุทโธปกรณ์ของประเทศหนึ่งประเทศใดได้ เพราะเราเป็นประเทศขนาดกลางและขนาดเล็ก เราถึงต้องซื้ออันนั้นจากประเทศนั้นบ้าง อันนี้จากประเทศนี้บ้าง วันใดวันหนึ่งมีปัญหากับประเทศใดประเทศหนึ่ง เราก็ยังสามารถที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยต่อไปได้ เพราะเราได้ถ่วงดุลอำนาจเอาไว้แล้วในหลายๆ ประเทศ นี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

ส่วนประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ พล.ท.สรรเสริญได้กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเมืองไทยของเราไม่ได้วางยุทธศาสตร์ชาติไว้เป็นเรื่องเป็นราว ในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยเราเปรียบเสมือนรถโดยสารคันหนึ่ง รัฐบาลไหนที่เข้ามาแล้วก็ใช้ให้เป็น พขร.พนักงานขับรถ แล้วก็เป็นกระเป๋าด้วยเบ็ดเสร็จไปในตัว ก็จะพาพี่น้องประชาชนทั้งประเทศนั่งในรถไป แล้วก็ตกลงใจว่าโดยรัฐบาลชุดนี้หรือโดยพลขับคนนี้จะพาพี่น้องประชาชนที่อยู่ในรถคันนี้ไปขึ้นดอยสุเทพกัน ก็ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ซึ่งระหว่างทางที่เดินทางจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ก็จะแวะตามรายทางเพื่อหาซื้อเต็นท์หาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ที่จะใช้ในการพักแรมบนดอยสุเทพ พอไปได้ถึงกลางทางอาจจะถึงพิษณุโลกเปลี่ยนรัฐบาลใหม่พอดี พลขับคนใหม่ขึ้นมาก็เปลี่ยนพาผู้โดยสารที่อยู่ในรถไปเล่นน้ำกันที่ชลบุรีดีกว่า ก็ยูเทิร์นกลับทันทีเลย ระหว่างทางก็แวะซื้ออุปกรณ์เล่นน้ำ ยังไม่ทันถึงชลบุรีก็เปลี่ยนรัฐบาลใหม่อีก คราวนี้พลขับใหม่ก็เปลี่ยนจะพาพี่น้องประชาชนลงใต้ไปเที่ยวทะเลกันเพราะทะเลใต้สวยสดใสกว่าทะเลทางตะวันออก

 

“ระหว่างทางก็แวะซื้อของเช่นทุกที่ที่ผ่านมา สรุปแล้วที่ผ่านมากี่รัฐบาลก็ตามคนไทยยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นดอย ไม่มีโอกาสได้เล่นน้ำซะที นั้นเป็นเพราะเราไม่มียุทธศาสตร์ชาติที่จะวางเป้าหมายให้ชัดเจนว่าตกลงเมืองไทยจะพาคนไทยไปขึ้นดอย หรือจะพาไปเล่นน้ำ หรือจะไปที่ไหนกันแน่ วันนี้เขาจึงกำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าเอาละวันข้างหน้าตกลงจะพาไปขึ้นดอยแน่นอน จะเป็นรัฐบาลไหนก็แล้วแต่ที่มาเป็นพลขับรถ เป็นกระเป๋ารถ จะต้องพาคนไทยไปตลอดรอดฝั่งให้ถึงขึ้นดอยจงได้ ไม่แวะลงกลางทาง มันจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมียุทธศาสตร์ชาติ” พล.ท.สรรเสริญกล่าว และว่า แต่จะเขียนเอาไว้กว้างๆ ไม่ได้บีบคั้นรัฐบาลที่มาแต่ละสมัยว่าท่านจะต้องทำอย่างนี้ ทำอย่างนั้น ทำอย่างโน้น เขาเพียงกำหนดเป้าหมายเอาไว้กว้างๆ แต่ท่านจะไปด้วยวิธีอย่างไร ไปให้ถึงจุดหมายอย่างไร ไม่มีใครว่า ท่านจะลงรถโดยสารแล้วต่อมอเตอร์ไซค์ ขี่จักรยานอีกหน่อยเพื่อให้ไปถึงดอยก็ไม่มีใครว่า นั้นคือยุทธศาสตร์ชาติ

 

นอกจากนี้ พล.ท.สรรเสริญยังกล่าวว่า ถามต่อไปว่าถ้าวันข้างหน้าโลกมันเปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลที่เข้ามาช่วงหลังๆ นี้จะแก้ไขยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้หรือมันจะต้องเดินไปอย่างนี้ตลอดไหม เขาบอกว่าแก้ได้ แต่มันต้องเข้าตามตรอก ออกตามประตู นั้นหมายความว่า แก้ไขได้ถ้าสังคมโลกมันเปลี่ยนไป ถ้าสังคมประเทศไทยมันเปลี่ยนไป แต่จะต้องถามพี่ๆ น้องๆ ประชาชนก่อนนะว่าจะเปลี่ยนเป้าหมายไปในทิศทางใด ท่านโอเคกันไหม ถ้าท่านโอเคกัน ท่าน ส.ส.ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาก็จะเป็นคนช่วยกันปรับแก้ไขยุทธศาสตร์ชาติ เพราะฉะนั้นยุทธศาสตร์ชาติจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกประเทศจะต้องมี เพื่อเป็นเป้าหมายธงชัยให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนว่าเราจะเดินทางไปถึงจุดนั้นร่วมกัน แต่ไม่ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะกี่ยุคกี่สมัยเกิดความรู้สึกอึดอัด ท่านจะทำอย่างไรก็ได้เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย แล้วปรับแก้ไขได้ด้วยโดยการถามพี่น้องประชาชนเสียก่อน และอย่าไปหลงเชื่อคำพูดจากคนอื่นๆ ที่มาเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังว่ารัฐบาลชุดนี้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติไว้จนทำให้ใครต่อใครที่เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วรู้สึกอึดอัด จงอย่าไปหลงเชื่อ ทหารเป็นคนซื่อสัตย์ไม่โกหกท่านแน่นอน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image