วันที่ 29 เมษายน ที่ สภ.นครชัยศรี พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบก.ภ.จว.นครปฐม เปิดเผยว่า พ.ต.อ.อนุพันธ์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก.สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พ.ต.ท.สานิต ชินจอหอ รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รอง ผกก.(สส.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ สืบสวนติดตามจับกุมนายวีรศักดิ์ มีสายญาติ หรือ “ท็อป แหลมบัว” อายุ 24 ปี และนายณัฐสุทธิ์ สามเกษร หรือเก็ต หรือฉายา “แฝด แหลมบัว” อายุ 21 ปี ในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืนและกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป, มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้น แบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก รถจักรยานยนต์ ที่ใช้กระทำความผิด รถปิกอัพ มิตซูบิชิ รถจักรยานยนต์ และทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการที่ได้ร่วมกันชิงทรัพย์จากผู้เสียหายมา เมื่อวันที่ 28 เมษายน
พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากนายสิทธิชัย เกิดรื่น แจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกคนร้ายสองคนใช้อาวุธปืนจี้ข่มขู่ชิงหัวหมูพะโล้ 1 ลัง ที่เตรียมจะนำไปขาย 2.นายพิษณุ มั่นคง แจ้งความร้องทุกข์ ว่าถูกคนร้ายสองคนใช้ไม้ตีกระจกรถได้รับความเสียหาย 3.นายชัยวิชิต สายรวมญาติ แจ้งความร้องทุกข์ ว่าถูกคนร้ายสองคนบุกเข้าไปในบ้านและพยายามลักรถจักรยานยนต์ 4.นายบุญลือ มัดฉากล่ำ และนางทองอยู่ สายรวมญาติ ผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ ว่าถูกคนร้ายสองคนบุกเข้าไปในบ้านและลักรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ในบ้าน จึงมอบหมายให้ พ.ต.อ.อนุพันธ์ จันทร์พฤกษ์ รอง ผบก.เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีนี้ และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง และตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และเป้าหมายยาเสพติด พบผู้ต้องหาทั้งสองคนกระทำความผิดหลายครั้งลักษณะตามที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ จึงได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม
พ.ต.อ.อนุพันธ์กล่าวว่า ชุดสืบสวนติดตามจนพบว่านายวีรศักดิ์ หรือท็อป แหลมบัว หลบซ่อนอยู่ที่บ้านเลขที่ 15/6 ม.6 ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี และจากการสอบถามญาติว่านายวีรศักดิ์ หรือท็อป มีอาวุธปืนติดตัว จึงได้วางกำลังปิดล้อมและให้มารดา (ขอสงวนชื่อ) มาช่วยเจรจา เกลี้ยกล่อมจนนายวีรศักดิ์ หรือท็อป ยอมเปิดประตูออกมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแสดงหมายจับและเข้าตรวจค้นในบ้านพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ไม่ทราบขนาด ระหว่างนั้นนายณัฐสุทธิ์ สามเกษร หรือเก็ต หรือแฝด แหลมบัว ปั่นรถจักรยานมาจึงเข้าจับกุมและนำไปตรวจยึดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการที่ชิงทรัพย์ผู้เสียหายมา
” บุคคลทั้งสองนี้ เป็นบุคคลอันตราย เสพยาเสพติดจนประสาทหลอน คิดจะทำอะไรก็ได้ตามที่ตนเองอยากทำ โดยอ้างว่ายาเสพติดที่เสพเข้าไปคือยาขยัน และว่าที่ใช้อาวุธปืนข่มขู่เจ้าของหัวหมูพะโล้ไปนั้น เพื่ออยากทำบุญ เอาหัวหมูไปทำบุญเลี้ยงพระ และทรัพย์สินอื่นได้นำไปขายเอาเงินไปทำบุญ เพื่ออยากได้บุญ” พ.ต.อ.อนุพันธ์ หัวหน้าชุดคลี่คลายคดี กล่าว
