วันที่ 29 เมษายน 2560 เวลา 10.00 น. นายชลทิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ นำคณะผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องการแก้ไขปัญหาที่ดิ นราษฎรอาสาสมัคร(รอส.)เขาค้อ ลงพื้นที่อำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยเดินทางไปที่บริเวณอนุสรณ์ผู้ เสียสละเขาค้อ เพื่อสำรวจติดตามดูสภาพพื้นที่ ป่าเขาปางก่อ-วังชมภูและป่ าเขาโปลกหล่น ที่ทหารขอใช้ประโยชน์จากกรมป่ าไม้ รวมทั้งดูข้อเท็จจริงถึ งสภาพการบุกรุกครอบครองที่ดิน รอส. เพื่อก่อสร้างรีสอร์ทและบ้านพั กหรูโดยไม่ถูกกฎหมาย โดยมีพ.อ.ถนัดพล โกศัยเสวี รอง ผบ.พล.ม.1 พร้อมนายฐิติศักดิ์ กันเขตต์ นายอำเภอเขาค้อ นำชมสภาพพื้นที่เขาค้อในมุมสูง
จากนั้นนายพยงค์ เรืองระหงส์ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ ไพรได้รายงานถึงสภาพพื้นที่ป่ าเขาปางก่อ-วังชมพูและป่ าเขาโปลกหล่นเนื้อที่ราว 1.2 แสนไร่ ที่ทหารขอให้เพื่อจัดสรรที่ดิ นให้ รอส.เป็นที่อยู่อาศัยและทำกิน จากนั้นยังนำแผนผังแปลงที่ดิ นรอส.ที่สปก.เคยทำการสำรวจรังวั ดไว้โดยมีการขึ้นรูปผังแปลงไว้ เป็นข้อมูลอ้างอิง
นายชลทิศให้สัมภาษณ์ว่า ในพื้นที่ 1.2 แสนไร่เศษนอกจากจะมีพื้นที่ที่ รอส.ใช้ประโยชน์และไม่ใช่เป็ นรอส. ก็จะถือโอกาสสำรวจไปในคราวเดี ยวกัน กรณีในพื้นที่รอส.ก็จะดูการใช้ ประโยชน์เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หรือเงื่อนไขที่กองทัพภาคที่ 3 ได้วางไว้หรือไม่ ส่วนราษฎรอื่นก็จะใช้มาตรฐานเดี ยวกันทั้งประเทศคือการพิ จารณาแยกแยะระหว่างความเป็นผู้ ยากไร้กับนายทุน หากเป็นผู้ยากไร้ก็จะได้รั บการดูแลหรือเยียวยาเหมือนกั บรายอื่นๆทั่วประเทศ และเป็นไปอย่างเท่าเทียมไม่ว่ าจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรม หรือพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ไม่ กระทบต่อระบบนิเวศน์ก็จะมี มาตรการ อาทิ การจัดที่ดินให้ผู้ยากไร้ ตามโครงการคณะกรรมการนโยบายที่ ดินแห่งชาติ(คทช.) โดยที่ผ่านมาทำไปแล้วมากว่า 6 แสนไร่
นายชลทิศยังตอบข้อถามถึงกรณีนี้ จะยังสามารถอยู่ในที่ทำกินเดิ มได้หรือไม่ด้วยว่า อยู่ที่เงื่อนไขว่าถ้าอยู่ ในพื้นที่ 1.2 แสนไร่ และกองทัพฯมีความประสงค์จะใช้ ประโยชน์ตามวัตถุต่างๆที่มีอยู่ เขาก็จะใช้ประโยชน์ในพื้นที่ แปลงนั้น แต่หากพื้นที่แปลงนั้นไม่อยู่ ในเงื่อนไขที่จะใช้ประโยชน์ได้ ทางกรมป่าไม้ก็จะรับมาพิ จารณาให้ราษฎรเป็นรายๆไป
อธิบดีกรมป่าไม้ยังกล่าวถึ งแนวทางการจัดการกับกลุ่มนายทุน นักการเมืองและผู้มีอิทธิพลที่ อยู่เบื้องหลังการบุกรุกยึ ดครองที่ดินรอส.โดยไม่ถู กกฎหมายด้วยว่า ตามขั้นตอนก็ต้องเป็ นไปตามกฎหมายและมาตรการที่มีอยู่ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็ นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในขั้นตอนเมื่อพบการกระทำผิ ดทางกรมป่าไม้ก็จะแจ้งเตือนปิ ดประกาศเจ้าของที่ดินอาจจะมี เอกสารสิทธิ เช่น นส.3 โฉนด สค.1 สามารถยื่นแสดงให้กรมป่าไม้ ตรวจสอบได้ หากไม่มีหลักฐานใดๆทางกรมป่าไม้ ก็จะดำเนินตามมาตรฐานที่มีไว้ก็ คือ การดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกแผ้ วถางป่าไม้และหากไม่อยู่ในพื้ นที่ไม่มีความล่อแหลมก็จำเป็นต้ องใช้อำนาจตามมาตรา 25 ให้รื้อถอนออกไป
“สำหรับเรื่องคุณสมบัติของ รอส.คงต้องขอให้ทางกองทัพภาคที่ 3 เป็นผู้พิจารณากลั่นกรอง เนื่องรายชื่อและคุณสมบัติมี ความสลับซับซ้อนและต้องใช้ข้อมู ลเดิม ซึ่งมาตรฐานนี้เราเคยใช้กั บกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่ นคงของมนุษย์(พม.) ในการดูแลภูทับเบิก ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นก็ได้รั บการกลั่นกรองจากพม. ในครั้งการกลั่นกรองก็จะอยู่ที่ กองทัพภาคที่ 3 และทีมงานที่ดูแลเรื่องรอส.” นายชลทิศ กล่าว
นายชลทิศยังตอบข้อถามถึ งความจำเป็นต้องใช้อำนาจ ม.44 ในการแก้ไขปัญหาที่ดิน รอส.เขาค้อเหมือนกรณีภูทับเบิ กหรือไม่ว่า กรณีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อออกคำสั่ง คสช.ที่ 35/59 กรณีของภูทับเบิกนั้นจัดว่าเป็ นพื้นที่ป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.2484 ขั้นตอนในการดำเนินคดีทางเจ้ าหน้าที่ดำเนินการต่อเนื่องอยู่ แล้ว แต่ในขั้นตอนการบังคับใช้ กฎหมายไม่สามารถจะไปจัดการได้ ในระยะเวลารวดเร็ว แต่คำสั่งที่ 64/57 และ66/57 มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องสร้ างมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ จึงจำเป็นต้องใช้อำนาจพิเศษดั งกล่าว แต่กรณีเขาค้อแตกต่างกันเนื่ องจากเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่ งชาติ ปี 2507 มีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้ว โดยพื้นที่เขาค้อเป็นพื้นที่ ทหารขอใช้ประโยชน์ซึ่งถูกต้ องตามกฎหมาย มีการอนุญาต 5 ครั้ง 8 แปลงพื้นที่ 1.2 แสนไร่เศษ การดำเนินการจึงมีความแตกต่างกั น
อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวว่า กรณีที่พบการกระทำผิดเช่นพื้นที่ ที่อยู่นอกเหนือจากแปลงรอส.หรื อแปลงที่ทหารขอใช้ กรมป่าไม้ก็ดำเนินคดีเฉกเช่นเดี ยวกับรีสอร์ทในพื้นที่อื่น ซึ่งวันนี้มีการตรวจสอบมากกว่า 2,000 แห่ง โดยพบทั้งพื้นที่ที่ถูกต้ องตามกฎหมายมีเอกสารสิทธิ พื้นที่ที่ไม่ได้รับการอนุญาตส่ วนพื้นที่ที่อยู่ในเงื่ อนไขการรื้อถอน กรมป่าไม้ก็จะดำเนินคดีทุ กรายไปในลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้ นายชลทิศกล่าวอีกว่า การดำเนินการเรื่องที่ดินมีขั้ นตอนตามที่พูดคุยในที่ประชุ มไปแล้ว โดยมีความเห็นร่วมกันจะต้ องตรวจสอบคุณสมบัติ และรายชื่อราษฎรใหม่ทั้งหมด จริงอยู่อาจจะมี การเคยสำรวจมาแล้วแต่อาจยังไม่ ครอบคลุมและการทำงานอาจเป็นส่ วนราชการใดเพียงส่วนหนึ่ง โดยอาจจะมีการสำรวจโดยกองทัพหรื อทางอำเภอก็จะมีความแตกต่างกั นไป จึงมีการตกลงจะสำรวจร่วมกันทั้ งกองทัพ อำเภอและกอ.รมน.ด้วย เชื่อว่ารายชื่อเหล่านี้ภายใน 90 วันจะปรากฏให้ประชาชนได้เห็นว่า บุคคลเหล่านี้ควรจะมีอยู่ในเงื่ อนไขตามคุณสมบัติที่กองทั พกำหนดหรือไม่ และรายชื่อพวกนี้คงไม่เป็ นความลับโดยจะทำงานในลักษณะเดี ยวกันกับภูทับเบิก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบู รณ์เป็นประธานเช่นเดียวกั นและคงจะมีการกลั่นกรอง โดยถึงเวลานั้นก็จะนำรายชื่ อมาดูว่าใครไม่สมควรจะอยู่หรื อไม่อยู่
“ส่วนสิ่งที่ความคลาดเคลื่ อนและรับการร้องขอมาก็คือ การดูแล รอส.อาจจะยังไม่ให้หน่วยงานอื่ นเข้ามาช่วยเต็มที่ ด้วยศักยภาพของรัฐบาลปัจจุบั นได้ให้ความสำคัญกับทุกส่ วนราชการที่จะเดินหน้าไปพร้อมกั น อาจต้องขอให้กระทรวงเกษตรฯกลั บลงมาดูในเรื่องส่งเสริมอาชี พเช่น การปลูกพืชเมืองหนาว เพื่อทำให้รอส.เหล่านี้ได้กลั บมาใช้ประโยชน์ในที่ดิ นตามเจตนารมณ์ที่มีไว้ตั้งแต่ แรก รวมถึงการท่องเที่ยวและอาจให้ ความสำคัญเรื่องเชิงนิเวศน์ สาธารณสุข ฯลฯ ที่ผ่านมาอาจมีการทำงานแบบแยกส่ วน แต่นโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ไว้ชัดเจนว่า นับตั้งแต่นี้ไปทางราชการต้ องทำงานร่วมกันลดการทำงานเชิงที่ เป็นฟังชั่นลง สำคัญที่สุดจะให้พื้นที่เป็นตั วประสานประโยชน์ได้ ประชาชนจะมีสิทธิตามรัฐธรรมนู ญปี 2560 โดยทุกคนมีสิทธิจะเข้าไปดูแลอนุ รักษ์และใช้ประโยชน์ในทรั พยากรของประเทศอย่างเท่าเทียมกั น”นายชลทิศกล่าว