นับวันการดำรงอยู่ในทางการเมืองของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะดำเนินไปเหมือนกับ 2 นักการเมือง
1 คือ นายทักษิณ ชินวัตร
1 คือ นายชวน หลีกภัย
การนำเอา นายทักษิณ ชินวัตร มาวางเรียงเคียงกับ น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ ชินวัตร มิได้เป็นเรื่องแปลก
แปลกอยู่ตรงที่มี นายชวน หลีกภัย
ถามว่า นายชวน หลีกภัย มีสถานะอย่างไรภายในพรรคประชาธิปัตย์
เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค
แต่เมื่อใดที่มีเค้าว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีปัญหาผู้คนก็มักจะนึกถึง นายชวน หลีกภัย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จะเป็นแบบ นายชวน หลีกภัย
มีความเด่นชัดยิ่งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้อง “เว้นวรรค” ทางการเมืองอย่างแน่นอน
นั่นก็เพราะถูก “ถอดถอน”
ไม่เพียงจะกระหน่ำด้วยมาตรการ “ถอดถอน” หากยังรุกไล่ถึงระดับอาจนำไปสู่การอายัดและยึดทรัพย์สินจำนวนไม่ต่ำกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท
เป้าหมาย คือ ตัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกไปจากวงจร
แต่ถามว่าทุกมาตรการหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 สร้างความแปดเปื้อนให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่
อาจได้
แต่ในอีกด้านก็ยกระดับชื่อและชั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปอยู่ระนาบเดียวกันกับ นายทักษิณ ชินวัตร นายชวน หลีกภัย
ความหมายย่อมหมายความว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในแป้นอันเรียกได้ว่า
“ผู้นำ” อันมากด้วย “บารมี”
ไม่ว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ในกระบวนการเลือกตั้งจะต้องมีการชู น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นสูงเด่น หากต้องการชัยชนะ
เหมือน “ประชาธิปัตย์” ชู นายชวน หลีกภัย
