‘ภูมิธรรม’ชำแหละ คสช.บริหารผิดพลาดจนทุกฝ่ายรุมจวก จี้หยุดสร้างภาระ คืนเสรีภาพ ปชช.

“ภูมิธรรม” ชี้ 2 เรื่องที่กระทบพัฒนาการและการเจริญเติบโตของ ปท.คือ เรือดำน้ำ-กม.ควบคุมสื่อ ขอหยุดการสร้างภาระให้ ปท.เอาสิทธิเสรีภาพประชาชน-สื่อมวลชนคืนมา

เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า สองเรื่องใหญ่กระทบพัฒนาการและการเจริญเติบโตของประเทศและสังคมไทยวันนี้ มีเรื่องที่น่าห่วงใยอย่างยิ่งอยู่หลายประการ โดยเฉพาะ 2 เรื่องสำคัญที่กำลังเป็นที่กล่าวขานกันทั่วทุกวงการ คือ 1.เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งมีกระแสการคัดค้านอย่างทั่วถึง เพราะถือเป็นสิ่งที่รัฐบาล คสช.และกลุ่มผู้มีอำนาจในยุคปัจจุบันผลักดันให้เกิดขึ้น ท่ามกลางความรู้สึกของสังคมว่ามีเงื่อนงำและมีพฤติกรรมพยายามปกปิดให้เป็น “ความลับ” การจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้นับเป็นภารกิจที่รัฐบาลและผู้มีอำนาจควรรับฟังเสียงที่วิพากษ์วิจารณ์ และควรนำไปทบทวนไตร่ตรองอย่างยิ่งถึงความเหมาะสมในการใช้งบประมาณและทรัพยากรอันจำกัด ที่นำไปใช้จ่ายท่ามกลางสถานการณ์ที่สังคมโดยรวมกำลังรู้สึกว่าประเทศกำลังประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการทำมาหากินของประชาชนกำลังฝืดเคือง ยากลำบากอย่างมาก เสียงสะท้อนที่ร้องคัดค้าน เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และจากทุกฟากฝ่าย ซึ่งนับเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่า รัฐบาลกำลังเดินหลงทาง และมีความผิดพลาดในการบริหารทรัพยากรอันจำกัด ไม่รู้จักจัดลำดับก่อนหลังในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ขาดการใส่ใจและไม่ตระหนักถึงความเดือดร้อนที่ประชาชนกำลังเผชิญ

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ที่สำคัญการคัดค้านนี้มิใช่เป็นการคัดค้านที่เกิดขึ้นจากอคติทางการเมือง เพราะกลุ่มคนต่างๆ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านล้วนเป็นเสียงที่มาจากหลากหลายภาคส่วน รวมทั้งมีผู้ที่เคยนิยมและสนับสนุนรัฐบาลมาก่อนหน้านี้รวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนไม่น้อย ยิ่งมีปัญหาที่หลายคนรู้สึกเหมือนรัฐบาลมีท่วงทำนองพยายามปกปิดเป็นความลับ ขาดความชัดเจนและไม่โปร่งใสในเรื่องที่เกี่ยวกับรายละเอียดการใช้จ่ายของงบประมาณในครั้งนี้ ยิ่งทำให้กระแสการคัดค้านไม่เห็นด้วยยิ่งแผ่กระจายไปอย่างกว้างขวาง การจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” ครั้งนี้มีผลผูกพันต่อเนื่องกับงบประมาณของประเทศไปอีกนานนับ 11 ปี จึงยิ่งมีคำถามดังๆ ถึงความเหมาะสม และที่สำคัญยิ่งคือ เป็นการกระทำที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า การกระทำของคณะรัฐมนตรีเข้าข่ายการกระทำที่อาจผิดกฎหมาย เพราะก่องบประมาณผูกพันอนาคต เกินจากอำนาจหน้าที่ที่กฏหมายกำหนด ข้ออ้างที่มีคนของรัฐบาลชี้แจงเพื่อปัดภาระว่า อนาคตหากไม่เห็นชอบ ก็อาจยกเลิกได้ ดูเหมือนเป็นเพียงความพยายามใช้วาทกรรมมาปัดให้พ้นตัว โดยทราบอยู่แก่ใจว่าการยกเลิกไม่อาจกระทำได้โดยง่าย ซึ่ง “เนติบริกรเดิมๆ ของรัฐบาล” คงมีภาระที่จะขวนขวายหาช่องว่างของ “อภินิหารทางกฎหมาย” มาหาทางออกให้รัฐบาลเช่นเดิม ดังนั้นควรอย่างยิ่งที่คณะรัฐมนตรีจะนำเสียงทักท้วงที่กำลังเกิดขึ้นไปทบทวนมติเรื่องนี้เสียใหม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์ระยะยาวและการไม่สร้างปัญหาภาระให้แก่ประเทศและประชาชน

“ในยามที่ทรัพยากรของประเทศมีจำกัดและปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนกำลังเผชิญมีอยู่มากมาย การจัดสรรและใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม และคำนึงถึงการไม่ก่อภาระในอนาคตให้ประชาชน ถือเป็นความกล้าหาญที่เราอยากเห็นจากรัฐบาลชุดนี้” นายภูมิธรรม กล่าว

Advertisement

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า 2.อีกเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกันที่รัฐบาลควรต้องเร่งทบทวนคือ การไม่ให้ความสำคัญกับหลักประกันในสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความพยายามออกกฎหมายหรือที่เรียกกันอย่างสวยหรูว่า พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งหลายคนเรียกอีกอย่างว่า “กฎหมายควบคุมสื่อ” หรือ “กฎหมายปิดปากสื่อ”

เรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งเพราะถือเป็นมาตรวัดสำคัญที่โลกกำลังจับตามองประเทศไทยว่า มีความน่าเชื่อถือและสามารถสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นจากประชาคมโลกได้เพียงใด
การพยายามผลักดันการออกกฎหมายที่ปิดกั้นและควบคุมสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน จะเป็นการส่งสัญญาณสำคัญที่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และมีผลต่อการยอมรับและความเชื่อมั่นที่นานาอารยประเทศมีต่อประเทศไทยและรัฐบาลไทย ซึ่งย่อมมีผลกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาร่วมลงทุนและร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ของนักลงทุนและประเทศประชาธิปไตยทั้งปวง ซึ่งจะยิ่งส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศ นอกจากนั้น การออกกฎหมายดังกล่าวรังแต่จะสร้างปัญหาและขัดขวางการร่วมมือกันของประชาชนที่จะร่วมแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่าน “สื่อสาธารณะ” และถือเป็นการทำลายกระบวนการถ่วงดุลและตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งในสังคมที่ต้องการธรรมาภิบาลและความโปร่งใสเช่นในปัจจุบัน พึงระลึกไว้เถิดว่า การใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม การออกกฎหมายที่ปิดกั้นและลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของประเทศ หยุดการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม หยุดการสร้างภาระและปัญหาให้ประเทศก่อนที่จะมีปัญหาทับถมมากไปกว่านี้ เอาสิทธิ เสรีภาพของประชาชนและของสื่อมวลชนคืนมา เอาโอกาสของประเทศกลับคืนมา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image