รำลึก กุลี ไพร่ ทาส ‘แรงงาน’ สยาม พร้อมภาพชุดประวัติศาสตร์กรรมกรไทย

กุลีจีน หรือจับกัง เป็น “แรงงานรับจ้าง” ยุคแรกๆของไทย โดยก่อนหน้านั้น มีแต่แรงงานเกณฑ์

1 พฤษภาคม วันแรงงาน ผู้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาแต่ครั้งโบราณกาล เดิมมีแรงงานเป็นไพร่และทาสภายใต้ระบอบศักดินา โดยจัดเป็นแรงงานบังคับ กล่าวคือ ต้องมีการเกณฑ์มาทำงานในด้านต่างๆ ให้บ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างวัดวา เวียงวัง อีกทั้งถนนหนทาง รวมถึงเป็นทหารรบพุ่งกับข้าศึก

แรงงานสยามในอดีต ประกอบด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ อาทิ ลาว เป็นแรงงานสร้างกำแพงเมืองกรุงเทพ เขมรขุดคูคลอง เช่น คลองมหานาค รวมถึงชาวจีน ซึ่งถือเป็นแรงงานรับจ้างรุ่นแรกๆ ของไทยในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จุดเด่นอยู่ที่ความขยันขันแข็ง ทำงานได้หลากหลาย ไม่เกี่ยงงาน คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า กุลีจีน มีสัญลักษณ์คือการผูกปี้ครั่งที่ข้อมือ เสียภาษีให้รัฐปีละ 2 บาท มีอิสระในการเดินทางและรับจ้างตามสมัครใจ

กุลีจีน ทั้งลากรถ ขุดบ่อ ทำงานในเรือ ก่อสร้างถนนหนทาง ทำงานหีบอ้อยในโรงน้ำตาล ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 เป็นแรงงานในการสีฝัดข้าวเปลือก แรงงานตัดเลื่อยไม้ด้วยมือ เป็นต้น

Advertisement

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการปฎิรูปประเทศหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการ เลิกทาส ซึ่งเป็นการยกเลิกระบบไพร่ที่ต้องถูกเกณฑ์เป็นแรงงานหลวง

ครั้นช่วงก่อนปี 2475 ปัญญาชนเสรีนิยมส่วนหนึ่งไปสร้างฐานทางการเมืองในหมู่คนงานในนาม “คณะกรรมกร” นำโดย ถวัติ ฤทธิเดช ร.ต.ต.วาศ สุนทรจามร ถวัลย์ ชาติอาษา ขุนสมาหารหิตะคดี (โประ โปรคุปต์)

Advertisement

คณะกรรมกร ได้เป็นกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ “กรรมกร” ที่ออกเผยแพร่ในปี พ.ศ.2465 โดยมีเหตุจูงใจจากการที่ได้เห็นสภาพการเอารัดเอาเปรียบที่นายจ้างกระทำต่อลูกจ้าง และไม่เห็นว่าจะมีใครช่วยเหลือได้

คณะกรรมกร จึงมีความประสงค์ที่จะเป็นปากเป็นเสียงของมหาชน และพวกกรรมกรสยามเพื่อที่จะทำลายสภาพการเอารัดเอาเปรียบที่ลูกจ้างถูกกระทำอยู่ในขณะนั้น

หนังสือพิมพ์กรรมกร พยายามชี้ให้กรรมกรได้เห็นถึงสิทธิต่างๆ ที่กรรมกรควรได้รับตามแบบอย่างของประเทศอุตสาหกรรม เช่น สิทธินัดหยุดงาน สิทธิในการก่อตั้งองค์กรพิทักษ์ผลประโยชน์ของลูกจ้าง และยังชี้ให้เห็นระบบการปกครองในขณะนั้น ที่เอื้ออำนวยให้นายจ้างมีสิทธิที่เหนือกว่าลูกจ้างมากมาย

ต่อมา หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 เกิดสมาคมที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน คือ สมาคมกรรมการรถรางแห่งสยาม นำโดย นายถวัติ ฤทธิเดช

จากนั้น เกิดหน่วยงาน “รัฐพาณิชย์” ซึ่งก็คือรัฐวิสาหกิจในยุคต่อมา

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดพระราชบัญญัติกฎหมายแรงงานฉบับแรกเมื่อ พ.ศ.2499

ยุค 14 ตุลา พ.ศ. 2516 มีการจัดตั้งสหภาพแรงงานมากมาย

23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534 การรัฐประหารของคณะ รสช. ได้แยกสลายขบวนการแรงงานภาครัฐวิสาหกิจกับเอกชน ทะนง โพธิ์อ่าน ผู้นำแรงงานที่ลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการหายสาบสูญ

ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา นักวิชาการด้านแรงงาน ระบุว่า แรงงานไทยกลายเป็นคนไม่มีภูมิหลัง ไม่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา ส่งผลให้ถูกปฏิบัติอย่างไร้ค่าไม่เป็นธรรม จึงมีความพยายามส่งเสริมประวัติศาสตร์แรงงานไทยทั้งแง่ท่องเที่ยว การศึกษา ความบันเทิง และอื่นๆ เพื่อไม่ให้มีการนำประวัติศาสตร์การเอาเปรียบแรงงานมาใช้ในอนาคตและทั้งหมดนี้ คือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แรงงานไทย กลุ่มคนสำคัญของสังคม ประเทศชาติ และโลกใบนี้

**ขอบคุณภาพและข้อมูลส่วนหนึ่งจาก พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย และ ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการวิกฤติแรงงาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image