เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 2 พฤษภาคม พล.ต.ต.สงวน โรงสะอาด ผบก.ภ.จว.พะเยา พ.ต.อ.เถกิง ทองอินทร์ ผกก.สภ.ปง ร.ต.อ.นรินทร์ เชิดอยู่ พนักงานสอบสวน สภ.ปง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.พะเยา เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 7 บ้านสันติสุข ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา เพื่อทำการสอบสวน กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซองเบอร์ 12 ยิงนางวะ อัศวจินดาพล อายุ 65 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าวเสียชีวิตในยุ้งฉางเก็บข้าวโพดในบริเวณลานข้างบ้าน เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.05 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลปง โดยมีนายสันติ อัศวจินดาพล อายุ 25 ปี ลูกชายคนที่ 4 ของนางวะผู้ตาย ได้แจ้งตำรวจเมื่อเวลา 20.25 น. ไปชันสูตรศพหลังผู้ตายเสียชีวิตที่โรงพยาบาลปง ซึ่งสถานที่เกิดเหตุมีบ้านปลูกในบริเวณที่ดินเดียวกันกลางหมู่บ้านจำนวน 3 หลัง ระหว่างบ้านหลังที่ 2 กับหลังที่ 3 มีลานกว้างด้านข้างทำเป็นยุ้งฉางเก็บข้าวโพด จุดที่นางวะถูกยิงอยู่ในยุ้งฉาง โดยคนร้ายมาดักซุ่มยิงห่างจากตัวผู้ตายประมาณ 2 เมตร
พล.ต.ต.สงวน โรงสะอาด ผบก.ภ.จว.พะเยา เปิดเผยว่า นางวะผู้ตายเป็นบุคคลสำคัญที่เป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณของหมู่บ้านและชนเผ่าม้งในพื้นที่ เป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เมื่อท่านองคมนตรีมาตรวจเยี่ยมโครงการพระราชดำริเกษตรที่สูงบ้านขุนกำลัง-บ้านสันติสุข หมู่ 7 บ้านสันติสุข ปีละ 2 ครั้งจะถามหาและพูดคุยกับนางวะตลอด โดยเรียกนางวะว่า “แม่วะ” อย่างคุ้นเคย นอกจากนี้ความเจริญในหมู่บ้านทั้งถนนคอนกรีต ไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์ รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่เข้ามาดำเนินการในหมู่บ้านก็ล้วนจากการที่นางวะเป็นผู้ประสานร้องขอไปยังท่านองคมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.สงวนกล่าวต่อว่า นางวะยังเป็นผู้ที่ต่อต้านเรื่องเสพยาเสพติดและการกระทำผิดกฎหมายในชุมชนให้คำแนะนำ ตักเตือนเยาวชนในหมู่บ้านอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีจิตอาสาอุทิศเวลาว่างไปช่วยให้บริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสันติสุขทุกวัน เนื่องจากมีความรู้ด้านแพทย์สนามจากอดีตที่อยู่ในชุมชนผู้ก่อการร้ายมาก่อน โดยหลังเกิดเหตุ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้โทรศัพท์มาให้ช่วยดำเนินการจับกุมคนร้ายมาดำเนินให้โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้สาเหตุการลอบทำร้ายนางวะจนเสียชีวิตเบื้องต้นน่าจะมาจากการขัดผลประโยชน์บางประการซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไว้ได้พอสมควร
นางสาวสายใจ วรกิจพาณิชย์ อายุ 23 ปี ลูกสะใภ้คนที่ 4 ของนางวะ กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุแม่วะกลับมาจาก รพ.สต.ขุนควรมาถึงบ้านประมาณ 15.00 น. จากนั้นแม่ก็ไปเข้าสวนต่อบอกว่าจะไปแผ้วถางหญ้า ต่อมาเวลาประมาณ 18.00 น.เศษ แม่ยังไม่กลับโทรหาก็ไม่ติดจึงออกไปรับแม่กลับบ้านมากินข้าว ขณะที่ตนกับสามีกำลังกินข้าว แม่วะก็เอาข้าวโพดเลี้ยงไก่อยู่ข้างบ้านบริเวณหน้ายุ้งฉางข้าวโพด ประมาณ 19.05 น. ก็ได้ยินเสียงปืนดัง 1 ครั้ง ตนกับสามีรีบวิ่งออกมาดู เห็นแม่วะนอนกองอยู่กับพื้นจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นางสาวนารี แซ่ท่อ อายุ 30 ปี ลูกสะใภ้คนที่ 3 ของนางวะ กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่บ้าน แต่หลายวันก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุได้มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาแม่วะที่บ้านหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งที่มาหาแม่วะผู้ชายคนนั้นก็จะถูกแม่วะต่อว่าทุกครั้งไป เนื่องจากแม่วะเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ใครทำไม่ถูกต้องแม่วะจะไม่สนับสนุน อีกทั้งแม่วะเป็นคนที่ทั้งหมู่บ้านให้ความนับถือ เป็นผู้ทรงภูมิปัญญา แม่วะจะช่วยเหลือชาวบ้านตลอด เพราะแม่วะมีความสามารถดานการฝังเข็ม ทำคลอด(หมอตำแย) ช่วยงานด้านสาธารณสุข (สธ.) ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ขุนควร ที่สำคัญคือเป็นผู้อาวุโสที่เป็นที่ปรึกษาหลักของหมู่บ้าน เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในหมู่บ้านด้วย จากเหตุที่เกิดขึ้นตนเป็นลูกจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว
“ไม่รู้ว่าคนที่มาทำร้ายแม่วะเขาต้องการอะไร ทำไมถึงทำกับแม่ได้ขนาดนี้ มีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันก็ควรคุยกันด้วยเหตุผล ทำไมต้องทำให้แม่เสียชีวิตด้วย อยากให้จับได้โดยเร็ว” นางสาวนารีกล่าว และว่า ทางเราได้แจ้งไปยังท่านพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี รับทราบแล้ว
จ.ส.อ.พรหมมา หวานใจ ผบ.ม.ร้อย สห.มทบ.34 ชุดคุ้มครองประสานป้องกันชุมชนหมู่บ้านสันติสุข กล่าวว่า ตอนที่เกิดเหตุลูกชายของนางวะ คือ นายสันติสุข อัศวจินดาพล อายุ 25 ปี กับภรรยากำลังกินข้าวมื้อเย็นภายในบ้าน ตอนนั้นนางวะกำลังอยู่ในยุ้งฉางเก็บข้าวโพดและเอาข้าวโพดเลี้ยงไก่ คนที่ทำร้ายลอบยิงแม่วะเข้าที่ขมับด้านซ้าย โดยพบหลักฐานเป็นผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาว ที่แม่วะใช้โพกหัวมีรอยเลือดและรูกระสุนปืนอยู่ ลูกชายกับลูกสะใภ้ได้ยินเสียงปืนดังก็รีบออกมาจากบ้าน เห็นแม่วะได้รับบาดเจ็บจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลปงทันทีและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แม่วะเป็นคนดีมาก เป็นคนตงฉิน ทำให้เป็นที่รักและเคารพของคนทั้งหมู่บ้าน การจากไปของแม่วะจึงทำให้ทุกคนเสียใจอย่างยิ่ง
