เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านสื่อสารมวลชน สปท. กล่าวถึงการพิจารณาปรับแก้ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนว่า ยืนยันระยะเวลา การปรับแก้เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลไม่ใช่มีเเค่ 7 วันตามที่ปรากฏในข่าว เแต่ กมธ.มีเวลา 30-40 วัน ดังนั้น กมธ.ไม่เร่งรีบ เร่งรัด เพื่อความรอบคอบสมบูรณ์แบบที่สุด โดยหลักการ กมธ.ได้ถอยตามเสียงท้วงติงขององค์กรสื่อมามากแล้ว ทั้งเรื่องการเปลี่ยนรูปแบบจากใบประกอบวิชาชีพมาเป็นใบรับรองที่ออกโดยผู้ประกอบการของสื่อนั้นๆ ขณะที่บทลงโทษที่มีถึงขั้นจำคุก กมธ.ก็ได้ตัดออกไป แต่หลักการ คือ กมธ.ยังยืนยันตามมติ สปท. 141 เสียง โดยจะต้องมีสภาวิชาชีพสื่อมวลชน มีโควต้าสัดส่วนของรัฐจำนวน 2 คน โดยในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ กมธ.จะประชุม เพื่อนำข้อเสนอต่างๆ มาหารือเพื่อสรุป จะมีการถอดเทปการอภิปรายไว้เป็นหลักฐานว่า สมาชิกได้อภิปรายประเด็นใดไว้บ้าง อะไรที่กมธ.ปรับได้ก็จะปรับให้ แต่อะไรที่ต้องยืนตามหลักการผลประโยชน์ของประเทศก็ต้องยืนไว้ จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ จะแก้ไขอย่างไรอีกหรือไม่ อย่าเพิ่งกังวล ยังเหลือเวลาอีกหลายขั้นตอน
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกวิป สปท.กล่าวว่า เชื่อว่า กมธ.สื่อฯคงไม่ถอยในหลักการอะไรแล้ว คงยืนยันว่าต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐ 2 คนเข้าไปร่วมเป็นกรรมการสภาวิชาชีพสื่อฯ แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะรับฟังข้อท้วงติง จากนี้สื่อฯควบเสนอร่างประกบกับร่างของ สปท. ถ้าหยิบรายงานและร่างกฎหมายสื่อที่สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่กำหนดให้มีสภาวิชาชีพฯแต่ให้สื่อควบคุมกันเองโดยไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีตำแหน่ง รัฐบาลจะรับฟัง อะลุ่มอล่วย เพราะรัฐบาลคงไม่อยากเป็นศัตรูกับสื่อในตอนนี้อย่างแน่นอน
