สมชัย บี้ รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายเงินให้ กกต. ขู่ เงินเหลือน้อยอาจติดขัดในการทำงานได้

“สมชัย”เผยรัฐบาลต้องจัดสรรงบให้ กกต.ก่อนทำประชามติ เหตุเงินสำรองไม่พอ คาดงบนิ่ง มี.ค.นี้ แนะปลุกคนไม่ใช้สิทธิผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการเตรียมการทำประชามติ ว่า แม้ขณะนี้ กกต.จะประสบปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่โดยรวมแล้วไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลใจสำหรับการทำประชามติ ยังสามารถจัดการได้ และไม่ได้กระทบต่อขวัญกำลังใจ แต่เมื่อเงินเหลือน้อย หากจะทำให้มีการประชามติเกิดขึ้นจริง รัฐบาลต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายให้กับกกต. ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดการติดขัดในการทำงานได้ ส่วนการเตรียมการจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. … และการออกระเบียบต่างๆนั้น ตอนนี้ก็มีการเตรียมการไว้แล้ว โดยหลังจากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 เสร็จแล้ว กกต.จะส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. … ไปให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณา และหลังจากนั้นก็จะออกระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยคิดว่ากฎหมายทุกอย่างจะเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งยืนยันว่าจะมีผลบังคับใช้ในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นการสร้างกติกาเพื่อให้การทำประชามติเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม

นายสมชัย กล่าวอีกว่า เรื่องงบประมาณในการทำประชามตินั้น คาดว่าจะนิ่งประมาณเดือนมีนาคมนี้ ก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณา ซึ่งก็ยืนยันว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 3,400 ล้าน บาท หรืออาจจะต่ำกว่า ส่วนการจัดเตรียมด้านแผนงาน และโครงการกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามตินั้นได้จัดเตรียมการไว้แล้ว โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญของฝ่ายที่เห็นชอบ และไม่เห็นชอบ ซึ่งจะให้โอกาสแต่ละฝ่ายเท่าเทียมกัน โดย กกต.จะให้องค์กร หรือหน่วยงานที่สนใจจะรณรงค์ลงทะเบียนกับ กกต. และเสนอโครงการกิจกรรมที่จะทำขึ้นมา โดย กกต.ได้เตรียมงบประมาณสนับสนุนแต่ละฝ่ายไว้ฝ่ายละ 50 ล้านบาททั่วประเทศ

“การรณรงค์รับหรือไม่รับนั้นยังสามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด แต่จะรณรงค์ว่าไม่ให้ไปออกเสียงไม่ได้ หรือไปออกเสียงไม่ได้ เพราะจะเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อความวุ่นวาย ซึ่งจะต้องดูว่าความผิดสำเร็จไหม หากสำเร็จแล้วทำให้จำเป็นต้องมีการออกเสียงขึ้นมาใหม่ ก็ต้องมีต้นทุนการใช้จ่าย หากขัดขวางการออกเสียงประชามติทำให้หน่วยออกเสียง 1-2 หน่วย ต้องจัดออกเสียงใหม่ก็ต้องรับผิดชอบทางแพ่งในต้นทุนการจัดออกเสียงประชามติ หรือหากทำให้การลงประชามติเสียไปทั้งประเทศก็ต้องรับผิดชอบหลัก 3,400 ล้านบาท ซึ่งใครทำให้เสียก็ต้องฟ้องร้องดำเนินคดี” นายสมชัยกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image