เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของโรงพยาบาลเขลางค์นคร-ราม จ.ลำปาง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางเมืองลำปาง ถูกประชาชนชาวลำปาง ที่ไม่เห็นด้วย หลังจากกรณีที่ทางโรงพยาบาลดังกล่าวประกาศผ่านทางหน้าเพจเฟซบุ๊กของโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า
“ทางโรงพยาบาลเขลางค์นคร–ราม ต้องเรียนให้ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลทุกท่านทราบว่า ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2559 นี้เป็นต้นไป ทางโรงพยาบาลของดให้บริการดูทีวีช่อง 3 ทั้งส่วนงานผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน”
และยังประกาศแนบท้ายด้วย ว่า “ทางโรงพยาบาลเรายึดมั่นในคุณธรรม และจริยธรรมเสมอมา เราอยากเห็นสังคมไทยมีจิตสำนึก และสนับสนุนการมีคุณธรรม และจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ทั้ง ส่วนตน และส่วนรวม”
โดยภายหลังโรงพยาบาลประกาศออกไป ก็มีประชาชนเข้ามาเขียนข้อความทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะข้อความที่ไม่เห็นด้วยนั้น ถือว่าเข้าไปตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์ต่อการโพสต์ประกาศดังกล่าวอย่างหนักและอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นประชาชนชาวลำปาง ได้เข้าไปเขียนต่อการแสดงความคิดเห็นถึงขั้นว่า จะไม่ไปใช้บริการโรงพยาบาลแห่งนี้ เนื่องจากเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนผู้ที่ไปใช้บริการอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้มีคนที่ไม่เห็นด้วยเข้ามาแสดงความเห็นต่อเนื่องก็ตาม แต่ผ่านมานานกว่า 2 วันแล้ว ทางโรงพยาบาลก็ยังคงประกาศเหมือนเดิม โดยไม่มีการลบประกาศในเพจดังกล่าว และภายในโรงพยาบาลเขลางค์นคร-ราม จ.ลำปาง ก็ยังไม่มีการเปิดให้ชมช่อง 3 และสัญญาณภาพของช่องดังกล่าวที่ระบบโทรทัศน์ใช้ระบบเคเบิลทีวีภายในโรงพยาบาล ก็ถูกตัดสัญญาณภาพออกไปจากระบบ เพื่อป้องกันไม่ให้ชมช่อง 3
ส่วนบรรยากาศการมาใช้บริการของโรงพยาบาลในวันนี้นั้น ก็เป็นไปตามปกติ ยังคงมีประชาชนและผู้ป่วยเดินทางมาใช้บริการกันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวในจังหวัด ที่เปิดให้บริการและประชาชนชาวลำปางก็มาใช้บริการเป็นจำนวนมากทุกวัน เพราะมีระบบบริการที่ดี และสะดวกสบายกว่าการให้บริการของโรงพยาบาลของรัฐ
นพ.บุญจง ชูชัยแสงรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเขลางค์นคร–ราม จ.ลำปาง ผู้ที่ออกคำสั่งในนโยบายดังกล่าว เปิดเผยว่า การงดให้ผู้ใช้บริการดูช่อง 3 นั้น มาจากที่ทางบอร์ดบริหารของช่องดังกล่าว ได้ปล่อยให้ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรเล่าข่าวชื่อดัง ยังมานั่งจัดรายการทั้งที่ถูกศาลตัดสินไปแล้ว กระทั่งนายสรยุทธได้ประกาศยุติการทำหน้าที่รายการข่าวในภายหลัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า หากไม่มีใครออกมาท้วงติงหรือต่อต้าน ก็คงจะปล่อยให้เลยตามเลยต่อไป โดยเฉพาะทางบอร์ดบริหารของช่อง 3 ที่รู้อยู่แก่ใจว่า จะต้องทำอย่างไรในเรื่องนี้ แต่ก็ยังปกป้องคนทำผิด
ดังนั้น ตนเองในฐานะที่มีจุดยืนที่ชัดเจน และไม่เห็นด้วยต่อการทุจริต หรือคดโกง จึงได้ออกนโยบายดังกล่าว เพราะทางโรงพยาบาลของเรามีจุดยืนที่ชัดเจนในจรรยาบรรณในการทำงาน ทั้งนี้ ในส่วนของตนเองนั้น ขอบอกว่าไม่ได้ต่อต้านตัวบุคคล แต่ต้องการให้องค์กรของสื่อดังกล่าวออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม กระทั่งมาพบเห็นความไม่ถูกต้องตั้งแต่ตอนแรก ที่ยังปล่อยให้มาออกรายการแบบหน้าตาเฉย อย่างไรก็ตาม จึงอยากให้ทางบอร์ดบริหารทางช่อง แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อสังคมไทยต่อไป
“เชื่อว่าหลายคนมีความรู้สึกเดียวกับการประกาศของโรงพยาบาลว่า ทุกคนควรมีคุณธรรม จริยธรรม และให้คนไทยทุกคนยืนอยู่ในสังคมได้อย่างสง่างาม หากใครไม่มีคุณธรรม และจริยธรรม เราก็ต้องให้สังคมเป็นตัวกำหนดให้ที่ยืนนั้นแคบลง ที่ผ่านมาคนไทยนิ่งเฉยต่อปัญหาดังกล่าวมาก ทำให้ประเทศไทยเรียบเฉย ถูกความไม่มีคุณธรรม และจริยธรรม เข้ามาครอบงำ ยิ่งเป็นสื่อมวลชนแล้วจะต้องมีคุณธรรม และจริยธรรมที่สูงกว่าคนทั่วไป เพราะถือว่าสื่อเป็นผู้ชี้นำ จึงต้องมี และรักษาคุณธรรม และจริยธรรม อยู่บนความรับผิดชอบที่สูงกว่าปกติ” นพ.บุญจงกล่าว
นพ.บุญจงกล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ก็เช่นกันที่ทางโรงพยาบาลประกาศจุดยืน ซึ่งมีน้อยคนมากที่กล้าจะประกาศ เพราะเสี่ยงที่จะถูกตีกลับความไม่เห็นด้วยของกลุ่มที่สนับสนุน อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลเราจะปิดสัญญาณช่อง 3 และไม่ให้ดูช่อง 3 ไปจนกว่า จะเห็นความรับผิดชอบที่จะตามมามากขึ้นจากช่อง 3 จึงได้สั่งการไม่ให้ดูช่องดังกล่าวไปอย่างไม่มีกำหนด โดยให้ทุกเครื่องโทรทัศน์ดูช่องไหนก็ได้ ทั้งนี้ ต่อไปนั้นหากยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดออกมา ก็อาจจะมีการหยุดสนับสนุนสินค้าที่ให้การสนับสนุนช่องนี้ต่อไป จึงอยากให้ทุกคนอย่านิ่งเฉย หากคนไทยนิ่งเฉย ประเทศก็จะอยู่ในมือคนโกง และผู้ที่สนับสนุนคนโกง
