ดีเดย์…ล้างมาเฟีย ลุยปราบ’ผู้มีอิทธิพล’

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่ง 324/2558 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2558 ให้ตั้งคณะกรรมการเรื่องการบูรณาการปราบปรามผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น โดยสั่งการให้ปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดภายใน 6 เดือน

เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 และวางแผนดำเนินการเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 2 เดือน คือ 2 เดือนแรก สำรวจข้อมูลกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ 2 เดือนกลาง เป็นการนำข้อมูลที่ได้มารวบรวมพร้อมวางแผนปฏิบัติการ และ 2 เดือนสุดท้าย เป็นการเข้าจู่โจม ตรวจค้น กวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล

เมื่อเข้าสู่โรดแมป 2 เดือนสุดท้าย ที่เริ่มดีเดย์ วันที่ 4 มีนาคม โดยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งหัวโต๊ะประชุมทั้ง ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร. และปลัดกระทรวงมหาดไทย ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10.00-11.00 น.

ว่ากันว่าเป็นการประชุมลับมาก ผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดห้ามนำมือถือเข้าไป และหลังประชุมได้แจกซองสีขาวปิดผนึก คาดว่าเป็นรายชื่อของเหล่าบรรดามาเฟียแต่ละจังหวัด รวม 6,000-7,000 ชื่อ เพื่อให้แต่ละหน่วยงานนำไปดำเนินการตามนโยบาย

Advertisement

โดยวางแนวทางว่า บุคคลที่เป็น “มาเฟีย” หมายจับดำเนินการจับกุมตามกฎหมาย ส่วนที่เป็นแค่ผู้กว้างขวาง ยังไม่มีคดีติดตัว ให้เรียกมา “ปรับทัศนคติ” ทั้งหมด

กระทั่งวันที่ 4 มีนาคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานการประชุมปราบปรามผู้มีอิทธิพล มี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ 10) และผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 1-9 ศชต. บช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ที่ประชุมสรุปว่า จากการรวบรวมข้อมูลพบว่ามีผู้มีอิทธิพลประมาณ 6,000 ราย มีทั้งบุคคลทั่วไป ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ทหาร และตำรวจ โดยแบ่งเป็น 16 ฐานความผิด

Advertisement

ประกอบด้วย 1.นายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ 2.การฮั้วประมูลและขัดขวางการเสนอ/แข่งขันราคาในการประมูลงานของทางราชการ 3.การเรียกรับผลประโยชน์จากคิวรถจักรยานยนต์และรถยนต์รับจ้างผิดกฎหมาย 4.การเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงาน ร้านค้า สถานบริการ และสถานประกอบการต่างๆ 5.การลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน น้ำมันปาล์มเถื่อน บุหรี่/สุราเถื่อน และการรับเคลียร์การนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย 6.การลักลอบจัดให้มีบ่อนการพนัน โต๊ะพนันบอล หวยใต้ดิน จับยี่กี ตู้เกมไฟฟ้า 7.ลักลอบค้าหญิงและเด็ก 8.การลักลอบนำคนเข้า-ออก และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

9.การหลอกลวงประชาชนไปทำงานต่างประเทศ 10.การหลอกลวงต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว 11.มือปืนรับจ้าง 12.การรับจ้างทวงหนี้ด้วยการข่มขู่หรือใช้กำลัง 13.การลักลอบค้าอาวุธสงคราม อาวุธปืนเถื่อน 14.การบุกรุกที่ดินสาธารณะและหรือทำงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 15.การเรียกรับผลประโยชน์จากการรับเคลียร์หรือคุ้มครองการกระทำผิดบนเส้นทางหลวงและหรือสาธารณะ และ 16.ผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

แต่ที่ประชาชนต้องการให้เจ้าหน้าที่กวาดล้างอย่างเร่งด่วน แบ่งเป็น 8 กลุ่มหลัก มากที่สุดคือ ยาเสพติด นอกนั้นแบ่งเป็นฮั้วประมูล เงินกู้นอกระบบ ฯลฯ

ในส่วนของยาเสพติดตำรวจกวาดล้างมาโดยตลอด มีผลน่าพอใจ เพราะลดลงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มุ่งเป้าเจาะจงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่จะจู่โจมเข้าตรวจค้นพร้อมกันทั่วประเทศ จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ในภาคกลางมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลมากที่สุด ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ไม่เกิน 15-20 วันนี้ จะต้องเห็นผล นอกจากนี้ ในกรุงเทพฯยังมีพื้นที่สีแดงที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน โดยได้รับร้องเรียนมาในเรื่องบ่อนการพนันของกลุ่มผู้มีอิทธิพล ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าบ่อนการพนันในคลิปที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น อาจเป็นบ่อนลักลอบเล่นการพนันเท่านั้น และยืนยันว่าไม่มีบ่อนการพนันที่เปิดอย่างเสรีแน่นอน

“อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหมายจับนั้น ไม่สามารถระบุได้ว่ามีกี่หมายจับ เพราะผู้บัญชาการแต่ละภาคจะไปดำเนินการเอง โดยจะกระจายไปทั้งประเทศ นอกจากนี้ ทางตำรวจจะรวบรวมข้อมูลไว้ เพื่อเฝ้าระวัง รวมทั้งมอนิเตอร์พฤติกรรมของกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านั้นไว้ ว่ามีการติดต่อหรือคบค้าสมาคมกับใครบ้าง เพื่อป้องกันเหตุ ยืนยันว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องและพบความเชื่อมโยงในการกระทำความผิดที่ชัดเจนจริงๆ เพื่อป้องกันการฆ่าตัดตอน อย่างไรก็ดี ในส่วนการตั้งเป้าหลังการกวาดล้างปราบปรามนั้น ทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ประเมิน” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์เชื่อว่าภายใน 2 เดือนนี้ หลังการปฏิบัติการกวาดล้างและปราบปราม จะมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลลดลง 60-70 เปอร์เซ็นต์ มั่นใจว่าสังคมจะดีขึ้น พี่น้องประชาชนจะถูกข่มขู่รังแกน้อยลง ใช้ชีวิตแบบปกติสุข

นอกจากนี้ พบว่านโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ด้วยการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับประชาชนจากกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น

โดยมีรายงานว่าก่อนหน้านี้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เฝ้าติดตามพฤติกรรมบุคคลเป้าหมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะคนที่มีหมายจับ หลบหนีคดี ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และกลุ่มที่มีการซ่องสุมอาวุธ เน้นการวางกำลังกดดันและกวาดล้างปราบปราม

โดยภาคเหนือพุ่งเป้าไปที่ จ.นครสวรรค์และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุดรธานี ขอนแก่น และนครราชสีมา ภาคกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา ภาคตะวันออก จ.ปราจีนบุรี และภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราชและพัทลุง

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ได้เรียกผู้มีอิทธิพลและบุคคลกลุ่มเป้าหมายทั้ง 16 กลุ่ม มาพูดคุยให้เลิกพฤติกรรมและทำการขึ้นบัญชีไว้

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล สามารถแจ้งเบาะแส ได้ที่ ตู้ ปณ.1111 ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ หรือสายด่วน 1599 ตลอดเวลา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image