‘พ่อใหญ่จิ๋ว’ปัดออกมาจ้อไม่เกี่ยว’แม้ว’ คนเดิมที่เคารพยังเป็น’ป๋าเปรม’ ชี้ออกจากเพื่อไทยเพราะ’ชินดาวงศ์’ เผยยุทธศาสตร์จัดตั้งกองกำลังที่ 3
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่บ้านปิ่นประภาคม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ได้แจกหนังสือแก่สื่อมวลชน 3 ชุด ประกอบด้วย 1.การพัฒนาบ้านเมืองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก 2.การวิเคราะห์รัฐธรรมนูญฉบับที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ 3.การสร้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย จากนั้น พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า การออกมาแถลงข่าวในวันนี้ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้ออกมาพูดถึงสถานการณ์ประเทศไทยก่อนหน้านี้ เพราะการทำงานการเมืองของตนไม่เคยเกี่ยวข้องกับผู้ใด ไม่เคยไปเกาะหรืออาศัยเงินทองใดๆ แต่ที่ต้องบอกเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นสอดรับกัน อย่างไรก็ตาม ที่ตนออกจากพรรคเพื่อไทย (พท.) มา เพราะสมัยนั้นตนกับนายเสนาะ เทียนทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ได้สไกป์พูดคุยกับนายทักษิณ เรื่องจะพานายทักษิณกลับประเทศนั้นตนไม่สนใจ แต่ตนเห็นว่ายังมีความขัดแย้งอยู่ และตนไม่ใช่คนที่จะนำนายทักษิณกลับมาได้ ตนจึงขอลาออก ซึ่งเหตุผลจริงๆ ที่ตนออกจากพรรค พท. คือการนำ “ชินดาวงศ์” เข้ามา
ทั้งนี้เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคมเหมือนว่าตนจะเข้ามาเกี่ยวข้องตลอดเพราะเป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบต่อแผ่นดิน และตนเคยอยู่ในราชการทหาร แม้วันนี้ไม่ได้เป็น แต่ใจก็ยังเป็นอยู่ คิดตลอดว่าทำอย่างไรจะพาชาติไปสู่สันติสุข ซึ่งการทำงานของตนจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ล่วงหน้าทุกครั้ง ซึ่งวันนี้ใช้ยุทธศาสตร์ที่ 3 อยู่ คือกองกำลังส่วนที่ 3 หรือเติร์ดฟอร์ซ โดยเป็นการรวมกลุ่มคนไม่ว่าจะสีอะไรก็ตาม ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมหาศาล ประกอบด้วย ชาวไทยภูเขา 21 ชนเผ่า กลุ่มไทยใหม่ กลุ่มคนยากจน พี่น้องปักษ์ใต้ที่มีความเข้าใจในแนวทางนี้ กองกำลังที่วางอาวุธ ฯลฯ แต่ไม่ทำอะไรที่สร้างความเสียหายหรือเกิดความขัดแย้งแก่ผู้ปกครองประเทศ ทั้งนี้ กองกำลังที่ 3 นี้ จัดตั้งมาแล้ว 3 ปี มีรูปแบบการเคลื่อนไหวคือ การเข้าไปให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน แสวงหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าคือความยากจน และหากมีการปะทะกันด้วยกำลัง กองกำลังที่ 3 จะเข้าไปแทรกแซงหรือไกล่เกลี่ยด้วยความคิด ขออย่าไปตีความกันผิด
พล.อ.ชวลิตกล่าวต่อว่า ตนไม่ได้ขึ้นกับใคร ไม่ได้รับเงินใคร ไม่ได้ฟังคำสั่งใคร คนเดิมที่ตนเคารพคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งตนอยากจะไปพบท่านใจจะขาดแต่ก็ไม่กล้า เพราะท่านบอกว่าท่านไม่อยากพบนักการเมือง ซึ่งวันนี้ตนก็ไม่ได้เป็นนักการเมือง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากขอคือการยุติความขัดแย้ง ใครมีหน้าที่อะไรก็ไปทำ เปลี่ยนความขัดแย้งเป็นการให้อภัยกัน สร้างประเทศให้เป็นประชาธิปไตย เพราะไม่มีประเทศยากจนไหนในโลกหรอกที่เป็นประชาธิปไตย และไม่มีประเทศเผด็จการไหนที่ร่ำรวย
พล.อ.ชวลิตกล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญสำคัญจริงแต่ไม่ใช่กฎหมายสูงสุด ความปรารถนาของคนคือประชาธิปไตย ซึ่งการสร้างประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้ด้วยนโยบาย ประชาชนต้องมีอำนาจ อธิปไตยต้องเป็นของปวงชน และประชาชนต้องมีเสรีภาพ
เมื่อถามถึงข้อเสนอให้มี ส.ว.สรรหาในช่วงเปลี่ยนผ่าน พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า สรรหาได้ แต่ต้องสรรหาจริงๆ ไม่ใช่ไปเชียร์อีกฝ่าย ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เป็นธรรม
เมื่อถามว่า มองได้ว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของ คสช.หรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า อะไรที่มีปัญหาอยู่ก็ให้นั่งลง
เมื่อถามว่า กลไกพิเศษในร่างรัฐธรรมนูญมีความจำเป็นหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ก็น่าจะจำเป็น ตนไม่ได้ว่าอะไร อะไรที่ดีก็ทำไปเลย