สมคิด ย้ำจุดยืน รบ.นี้ไม่อุดหนุนราคาสินค้าเกษตร แต่จะมุ่งเน้นให้คนยืนได้ด้วยตนเอง

วันนี้ (14 มีนาคม) สภาเกษตรกรแห่งชาติ จัดงานสานพลังประชารัฐสร้างเศรษฐกิจฐานราก ขับเคลื่อนการพัฒนาภาคเกษตรกรและภาคเกษตรกรรมสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “เศรษฐกิจฐนราก กับการพัฒนาเกษตรกรรมสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า สินค้าเกษตรที่ตนเห็นในการจัดแสดงงานในวันนี้มีราคาที่แตกต่างจากอดีต และงานดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่แสดงให้เห็นว่าไทยมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ แต่ที่ผ่านมาขาดการชี้นำ พร้อมขอให้สื่อมวลชนร่วมกันรายงานข่าวให้ประชาชนได้เห็นถึงศักยภาพของเกษตรกรดีกว่ารายงานถึงการทะเลาะกัน

อย่างไรก็ตาม ตนเห็นสื่อต่างชาติรายงานว่า เกษตรกรไทยรับเงิน 200 บาทกลับเข้าห้องเรียนจากการปลูกข้าวไปเป็นการปลูกถั่วเขียวซึ่งตนมองว่าสื่อต่างชาติอาจจะหวังดีแต่ขาดความเข้าใจว่ารัฐบาลทำโครงการเหล่านี้ไปเพื่ออะไร จึงอยากฝากสภาเกษตรกรทำความเข้าใจด้วย

นายสมคิด ยังกล่าวด้วยว่า ยอดส่งออกของจีนตกลงร้อยละ 25 แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ก็จะไม่ดีตามไปด้วย ซึ่งสหภาพยุโรป หรือ อียู อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเดือนละ 80 ล้านยูโร ส่วนญี่ปุ่นจะอัดฉีดอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มจีดีพี ขณะที่จีนประกาศคงจีดีพีอยู่ที่ 6.5 และจะไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะเน้นการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ยกระดับการผลิตของประเทศ โดยตัดกำลังการผลิตในโรงงานที่ไม่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ประเทศก้าวกระโดด ในส่วนของไทยนั้นจะปรับเอารูปแบบของอียู ญี่ปุ่น และจีน มาอย่างละครึ่ง โดยเน้นที่การปฏิรูปเศรษฐกิจฐานราก การเกษตร อุตสาหกรรมการส่งออก แต่ที่ผ่านมาพบว่าขาทั้งสองข้างของไทยกลับมีขาข้างหนึ่งเป็นโปลิโอซึ่งก็คือชุมชน จึงต้องเน้นการเติบโตจากภายใน ให้ชุมชนเติบโตคู่ขนานกับการส่งออกแม้จะเป็นสิ่งที่ยากแต่ก็ต้องทำ ที่ผ่านมาเราเน้นการส่งออกเพื่อมาจุนเจือภาคเกษตรเหมือนการเลี้ยงต้อย เป็นการรดน้ำที่ใบแต่ไม่ได้รดน้ำที่ต้นเป็นการเลี้ยงดูอย่างผิดธรรมชาติและก่อให้เกิดการทุจริต

นอกจากนี้ นายสมคิดกล่าวด้วยว่า ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทั่วโลกและผูกติดกับราคาน้ำมัน การยกระดับสินค้าเกษตรให้สูงกว่าความเป็นจริงจะไม่สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ และอาจทำให้สูญเสียการค้ากับต่างประเทศ รวมถึงจะต้องเก็บสินค้าไว้ในโกดังเช่นข้าว ที่ก่อให้เกิดเป็นภาระและการสูญเสีย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียืนยันว่าในรัฐบาลนี้จะไม่อุดหนุนราคาสินค้าเกษตรเพื่อให้เกษตรกรสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง นโยบายที่ออกมาจึงเน้นการปฏิรูป การบรรเทา ค้ำจุนรายได้เกษตรกรไม่ให้ลำบาก อาทิ เงินกองทุนหมู่บ้าน นอกจากนี้รัฐบาลยังส่งเสริมในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตเพื่อช่วยให้เกษตรกรมีความมั่นคงในชีวิต หากราคาสินค้าเกษตรชนิดหนึ่งตก ก็นำอีกชนิดมาช่วยแทน ซึ่งหากเกษตรกรไม่ร่วมมืออาจจะตายหมู่เพราะสินค้าเกษตรกรตกลงทุกปี อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้สื่อต่างชาติไม่เข้าใจ ว่ารัฐบาลทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและหากทำสิ่งที่ถูกต้อง 1-2 ปีอาจจะลำบากแต่ในอนาคตจะดีขึ้น

Advertisement

ทั้งนี้ ในช่วงกลางเดือนมีนาคม เงินกองทุนหมู่บ้านกว่า 35,000 ล้านบาทจะทยอยส่งไปยังชุมชนต่างๆ ที่รัฐบาลจะทำให้ขอให้เกษตรกรทำให้ดี มิเช่นนั้นรัฐบาลจะถูกด่าและไม่อยากช่วย จึงขออยากให้แสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเกษตรกรเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image