ในตอนกลางวันแดดเปรี้ยง คุณผู้อ่านคงเคยเห็นภาพ “แอ่งน้ำ” บนพื้นถนนอยู่ไกลออกไปพอประมาณ แต่เมื่อเข้าไปใกล้ๆ ภาพแอ่งน้ำที่ว่านี้กลับหายวับไป ภาพลวงตาแบบนี้เรียกว่า มิราจ (mirage) มาจากคำว่า mirage ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ภาพมายา ส่วนรากศัพท์ลึกๆ มาจากคำว่า mirari ในภาษาละติน แปลว่า รู้สึกฉงน ลองนึกถึงคำว่า miracle ในภาษาอังกฤษที่แปลว่า น่าอัศจรรย์ ก็ได้ เพราะมีรากมาจากภาษาละตินคำเดียวกันนี้ครับ
ภาพแอ่งน้ำลวงตามาจากไหน? อธิบายแบบรวบรัดได้ว่า พื้นร้อนจัดทำให้อากาศที่อยู่ใกล้พื้นร้อนตามไปด้วย ในขณะที่อากาศที่อยู่เหนือขึ้นไปเย็นกว่า ทำให้รังสีของแสงจากวัตถุบางส่วนเบี่ยงโค้งหงายขึ้น ผลก็คือ เราจะเห็นภาพหนึ่งที่ตรงมาจากวัตถุนั้น และอีกภาพหนึ่งมาจากรังสีของแสงที่เบี่ยงโค้งเป็นภาพหัวกลับอยู่ใต้ภาพแรก
ภาพหัวกลับนี้จึงดูเหมือนเงาสะท้อนที่เกิดจากแอ่งน้ำนั่นเอง และเนื่องจากภาพหัวกลับนี้อยู่ใต้วัตถุจริง (เช่น รถยนต์ในภาพที่ 1) จึงเรียกว่า มิราจแบบอยู่ใต้วัตถุจริง (inferior mirage)
คราวนี้เปลี่ยนพื้นผิวร้อนๆ เป็นผิวน้ำทะเลอุ่นๆ และเปลี่ยนรถยนต์เป็นดวงอาทิตย์ สิ่งที่เห็นก็จะเป็นดังภาพที่ 2
ฝรั่งมองแล้วบอกว่าคล้ายตัวอักษรโอเมกาของกรีก จึงเรียกว่า ดวงอาทิตย์รูปโอเมกา (Omega Sun) บ่อยครั้งมักระบุไว้ด้วยว่าเป็น Omega Sunrise ตอนดวงอาทิตย์ขึ้น หรือ Omega Sunset ตอนดวงอาทิตย์ตก
ใช่ว่าฝรั่งทุกคนจะเห็นตรงกันหมด อย่าง จูลส์ เวิร์น (Jules Verne) นักเขียนชื่อดัง เรียกปรากฏการณ์นี้ช่วงอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าว่า ดวงอาทิตย์ตกรูปแจกันอีทรัสคัน (Etruscan Vase Sunset) คุณผู้อ่านลองดูรูปร่างของแจกันอีทรัสคันในภาพที่ 3 แล้วตัดสินใจเองว่าจะเรียกตามจูลส์ เวิร์นไหม
ในกรณีดวงอาทิตย์ตก คนญี่ปุ่นทางแถบอ่าวซุคุโมะ (Sukomo Bay) เรียกดวงอาทิตย์รูปโอเมกาว่า ดารุมะซันเซต (Daruma Sunset) หรือ ดวงอาทิตย์ตกนำโชค (Lucky Sunset) คำว่า ดารุมะ หมายถึง ตุ๊กตาดารุมะซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนท่านโพธิธรรม และยังสื่อถึงความอุตสาหะและความโชคดีอีกด้วย ดูภาพที่ 4 ครับ
ตุ๊กตาดารุมะนี้ใช้ในการขอพร เริ่มแรกตุ๊กตายังไม่มีตาทั้งสองข้าง เมื่ออธิษฐานขอพรในสิ่งที่ต้องการ จะเขียนพรที่ขอด้วยตัวอักษรคันจิไว้ที่ด้านล่างใต้คาง รวมทั้งอาจเขียนความปรารถนาเพิ่มเติมไว้ข้างศีรษะด้านซ้ายและด้านขวา จากนั้นจะวาดรูปดวงตาสีดำไว้ 1 ข้าง หากคำอธิษฐานเป็นจริงก็จะวาดดวงตาสีดำที่เหลืออีกข้างหนึ่ง แล้วนำตุ๊กตาไปไว้บนหิ้งบูชา หรือนำไปเผาไฟที่วัดในช่วงปลายปี
คุณผู้อ่านที่อยากเก็บภาพดวงอาทิตย์รูปโอเมกาจำเป็นต้องใช้กล้องที่ซูมได้มากสักหน่อย ส่วนสถานที่ขอแนะนำชายทะเล เพราะมีโอกาสเห็นได้ง่ายกว่าพื้นที่ลักษณะอื่นๆ (เคยมีผู้ถ่ายภาพดวงอาทิตย์รูปโอเมกาได้จากที่อื่น เช่น พื้นถนนร้อนๆ)
หลักการคือ คุณต้องเลือกช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นหรือลับขอบฟ้าเหนือทะเล และลุ้นไม่ให้มีเมฆบดบังดวงอาทิตย์มากนัก ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยู่ที่ชายหาดในประเทศไทย โดยที่
ทะเลอยู่ทางทิศตะวันออก (เช่น เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ฯลฯ) ก็ให้รอ Omega Sunrise ในช่วงเช้า
ทะเลอยู่ทางทิศตะวันตก (เช่น ชายทะเลส่วนใหญ่ทางแถบอันดามัน) ก็ให้รอ Omega Sunset ในช่วงเย็น
หากคุณผู้อ่านเก็บภาพดวงอาทิตย์รูปโอเมกาได้ ก็ส่งภาพมาอวดผมบ้างนะครับ รอชมด้วยใจระทึกทีเดียว! 😀
ขุมทรัพย์ทางปัญญา
ขอแนะนำข้อมูล Etruscan Vase or “Omega” Sunsets
ที่ http://atoptics.co.uk/atoptics/sunmir2.htm หรือสแกน QR Code