ผอ.สำนักอนุรักษ์ชายฝั่งฯ ประกาศ อารยะขัดขืน ไม่ยอมรับคำสั่งย้ายจากปลัดทส.

จากกรณีที่ นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้ลงนาม มีคำสั่งให้โยกย้าย ข้าราชการระดับ 9 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีทส.ไปเป็น ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน นายสมศักดิ์ พิริยโยธา ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน เป็น ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและนายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ เป็นผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด(ผอ.ทสจ.) ตรัง ปรากฏว่า คำสั่งดังกล่าวนี้ถูกต่อต้านจากข้าราชการในทช.จำนวนมาก โดยมีการเขียนข้อความผ่านทางโซเซียล ทั้งไลน์ และเฟชบุ๊ค ระบุว่าการโยกย้ายครั้งนี้ มีผลประโยชน์แอบแฝง และเป็นการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการนำนายมนต์สังข์ ซึ่งเป็นคนสนิท และเป็นเลขาของนายเกษมสันต์ มาเป็นผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรป่าชายเลน ส่งผลให้กระทบต่อตำแหน่งอื่นๆ โดยเฉพาะ ตำแหน่งของนายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปะการัง ในอันดับต้นๆของภูมิภาคนี้ ที่ถูกเด้งไปเป็น ทสจ. ตรัง จนก่อให้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ว่า การย้ายนายนิพนธ์ เกี่ยวข้องกับโครงการ สร้างปะการังเทียม 132 ล้านบาท เพราะนายนิพนธ์ ดูแลรับผิดชอบโครงการนี้อยู่ อีกทั้งนายมนตสังข์ ซึ่งจบจากโรงเรียนป่าไม้แพร่ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องป่าชายเลนเลย โดยมีการตั้งข้อสงสัยกันว่า นายเกษมสันต์ได้ย้ายคนของตัวเอง ไปเพื่อเตรียมตัวที่จะเข้าไปนั่งในตำแหน่ง รองอธิบดีทช.ที่กำลังจะว่างลงอีก 1 ตำแหน่งเร็วๆนี้ เนื่องจากมีการคาดการกันว่า นายศักดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีทช.จะขึ้นไปเป็นผู้ตรวจทส.นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 มีนาคม นายนิพนธ์ ได้ทำหนังสือที่ ทส.0404/พิเศษ ถึง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส. และนายเกษมสันต์ เรื่องขอแสดงความประสงค์ที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต่อไป และไม่ขอรับคำสั่งที่ถูกสั่งย้ายไปเป็น ทสจ.ตรัง

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ ไปสอบถามเรื่องนี้เพิ่มเติมกับนายนิพนธ์ แต่นายนิพนธ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ยังไม่พร้อมจะให้ข่าวนี้ และได้วางหูโทรศัพท์ทันที

ด้าน นายเกษมสันต์ ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า นายนิพนธ์ทำหนังสือแจ้งมายังตนว่า ลงนามยินยอมที่จะไปเป็น ทสจ.ตรัง โดยไม่ได้ไตร่ตรอง ขอให้คิดดูว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ หรือ รับราชการมา 30 ปี แล้วเขียนจดหมายมาบอกว่าเป็นการไตร่ตรองโดยไม่รอบคอบ ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในที่สุดคนที่ก่อให้เกิดความเสียหายไม่ใช่ตน แต่เป็นนายนิพนธ์เอง พอมีเรื่องขอโยกย้าย และไม่ได้ตามที่ตัวเองประสงค์ก็ทำหนังสือมาประท้วง

Advertisement

ส่วนจะมีการทบทวนคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวหรือไม่ จะให้ทุกอย่างกลับไปอย่างเดิมคงไม่ได้ ในอนาคตเมื่อมีการแต่งตั้งโยกย้ายแล้วใครไม่พอใจ ก็ให้สมาคมต่างๆ ออกมากดดัน ถามว่าสิ่งนี้เป็นจรรยาบรรณของข้าราชการหรือไม่”นายเกษมสันต์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่านายเกษมสันต์มีความขัดแย้งกับ พล.อ.สุรศักดิ์ จนต้องย้ายนายมนต์สังข์ที่เป็นคนสนิทออกจากตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีทส. และจริงหรือไม่ที่ ถูก พล.อ.สุรศักดิ์ เรียก ไปตำหนิว่าบริหารงานอย่างไรกระทรวงถึงมีความวุ่นวาย นายเกษมสันต์ กล่าวว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น รัฐมนตรีทส.ก็รับทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และยืนยันว่า ไม่เคยเรียกตนไปต่อว่าในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่กลับกล่าวว่าดีแล้วที่นายมนต์สังข์ได้ทำงานอยู่ใกล้ๆ กทม.ดีกว่าไปอยู่ต่างจังหวัด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image