พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ภายหลังมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องการขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปการศึกษาของ ศธ.ในภูมิภาค ปรากฏว่ามีผู้ออกไปให้ข่าวโกหกบิดเบือน ทั้งเรื่องการโอนย้ายครูไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) การกำหนดให้เปลี่ยนสถานภาพข้าราชการครูไปเป็นพนักงานราชการ ในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ เงินวิทยฐานะจะหายไปแล้วมีเงินเยียวยาแทน การยกเลิกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู การยุบสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา การยุบเขตพื้นที่การศึกษาเหลือจังหวัดละเขตเดียว การยุบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ไม่มีกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ไม่ต้องจ่ายศพละบาทอีกต่อไปหากครูเสียชีวิต โดยให้ใช้เงินประกันสังคมแทนนั้น ทุกเรื่องล้วนโกหก มีเจตนาบิดเบือน ขอเตือนว่าผู้ที่มีเจตนาบิดเบือนว่าอย่าทำ หากยังไม่หยุดจะเชิญมาพูดคุยที่ ศธ. อย่างไรก็ตาม การได้มาซึ่ง กศจ.อยู่ระหว่างการทำหลักเกณฑ์ระเบียบแนวปฏิบัติ คู่มือการปฏิบัติงานให้คณะกรรมการชุดต่างๆ ทำงานได้ชัดเจนขึ้น ส่วนการได้มาซึ่งกรรมการชุดต่างๆ ที่เกรงว่าผู้ที่เคยมีปัญหาจะกลับเข้ามาเป็นกรรมการอีกนั้น ขณะนี้ยังไม่มีแบล๊กลิสต์ว่าใครเคยเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่เชื่อว่าคนในพื้นที่รู้ดีว่าใครเป็นอย่างไร ซึ่งจะคัดเลือกคนที่เหมาะสมเข้ามาทำงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การแต่งตั้งให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เขต 1 มาปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ฯอื่นๆ รวมถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) มาเป็นรอง ศธจ.ทั้งที่ตำแหน่งเท่ากัน จะถือว่าลดตำแหน่งหรือไม่นั้น พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าใครจะคิดเล็กคิดน้อยอย่างนั้น เพราะถ้าคิดก็คงไม่ไหว แต่จะได้เป็นตัวจริงหรือไม่นั้นไม่ทราบ ทั้งนี้ได้หารือกับผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เพื่อคิดกรอบอัตรากำลัง ภาระงาน เมื่อได้กรอบมาแล้วก็จะเกลี่ยคนในสำนักงานศึกษาธิการภาค (ศธภ.) และ ศธจ. โดยจะพยายามไม่เพิ่มคน ทั้งนี้ ศธ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างตามมาตรา 44 ผ่านทาง www.moe.go.th และสายด่วน 1579 ตลอด 24 ชม.
