พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ฉบับที่ 10-11/2559 ในการขับเคลื่อนการบริหารราชการของ ศธ.ในภูมิภาคนั้น จากนี้จะจัดวางระบบต่างๆ ใหม่ ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของ ศธ.และในอีก 6 เดือนข้างหน้า จะมีผู้บริหารระดับ 11 ของ ศธ.เกษียณอายุราชการ 2 คน คือ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ.และ น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ซึ่งที่ผ่านมากำลังเล็งว่าใครเป็นผู้ที่มีความเหมาะสม เข้ามารับหน้าที่ในช่วงเปลี่ยนผ่านในองค์กรหลักของ ศธ.โดยเฉพาะตำแหน่งปลัด ศธ.ว่าใครเหมาะสม ซึ่งต้องวัดกันที่ฝีมือ ความรู้ ความสามารถ
นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ รองปลัด ศธ.ในฐานะโฆษก ศธ.กล่าวว่า ตามที่ ศธ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น รวมถึง ข้อดี ข้อเสียเกี่ยวกับคำสั่ง คสช.นั้น เท่าที่รับฟังผ่านทางเว็บไซต์ www.moe.go.th และสายด่วน 1579 ของ ศธ.พบว่า มีทั้งเสียงต่อต้าน และสนับสนุน โดยจะรวบรวมความคิดเห็น และสรุปเสนอต่อ พล.อ.ดาว์พงษ์ต่อไป ทั้งนี้ ในวันที่ 4 เมษายน รัฐมนตรีว่าการ ศธ.จะประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ (วีทีซี) ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะทำความเข้าใจเรื่องบทบาทหน้าที่ในการบริหารของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ระหว่างนี้ ศธ.ได้เตรียมมอบหมายภารกิจเร่งด่วนให้ กศจ.ไปดำเนินการ คือการเก็บข้อมูลพื้นฐานที่เป็นข้อมูลเชิงลึกของโรงเรียนทุกจังหวัดว่ามีโรงเรียนประเภทใดบ้าง แต่ละโรงเรียนมีจำนวนนักเรียน ครู และบุคลากรเท่าไหร่ สถานะของโรงเรียนเป็นอย่างไร ผลการเรียนของเด็ก การศึกษาต่อ การมีงานทำ เป็นต้น เพื่อนำมาใช้วางแผนการจัดการศึกษาของประเทศ ให้การศึกษาของชาติเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
