สรุปความรู้ก่อนการรีไฟแนนซ์บ้าน ทำอย่างไรประหยัดที่สุด อัปเดตปีล่าสุด

เป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่ เมื่อมีความมั่นคงในด้านการเงินหลังจากทำงานมาช่วงเวลาหนึ่งแล้วย่อมอยากมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าการตัดสินใจซื้อห้องพักหรือบ้านสักหลังย่อมมาพร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพทางการเงินของผู้ซื้อในระยะยาวได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน ที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะกระทบทั้งคนที่พึ่งซื้อบ้าน และคนที่ซื้อบ้านไปแล้ว หลาย ๆ คนที่ซื้อบ้านไปแล้วจึงเลือกใช้วิธีลดดอกเบี้ยบ้านตรงนี้ด้วยการ refinance บ้าน

แล้วรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร? ขั้นตอนนี้จะช่วยประหยัดการผ่อนชำระหนี้ได้จริงมั้ย มีวิธีจัดการอย่างไร รวมทั้งเราควรเลือกรีไฟแนนซ์บ้านที่ไหนดี บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการรีไฟแนนซ์บ้าน 2565 มากยิ่งขึ้น

การรีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร

การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance home loan) คือ การที่เรายื่นกู้สินเชื่อบ้านโดยเปลี่ยนจากธนาคารปัจจุบันไปยังธนาคารใหม่ที่มียอดผ่อนชำระถูกกว่า เพื่อลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยในแต่ละเดือนให้ต่ำลง โดยจะยกยอดหนี้คงเหลืองวดสุดท้ายไปเป็นวงเงินกู้ที่เรารีไฟแนนซ์ใหม่และคำนวณการผ่อนสินเชื่อซึ่งมีเงื่อนไขการรีไฟแนนซ์บ้านหรือรีไฟแนนซ์คอนโดต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร

Advertisement

ผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกธนาคารใหม่ได้เองหลังสิ้นสุดข้อผูกมันในสัญญาเดิม โดยส่วนใหญ่ในสัญญาธนาคารจะมีระบุห้ามเรารีไฟแนนซ์บ้านในช่วงระยะเวลา 3 ปีแรก แต่ก็มีบางธนาคารที่อาจจะต้อง 5 ปี 7 ปี หรือตามที่ข้อผู้มัดในสัญญานั้นกำหนด นับว่าการรีไฟแนนซ์บ้านคือเคล็ดลับสำคัญเพื่อลดยอดการผ่อนจ่ายให้น้อยลงนั่นเอง

เหตุผลหลักในการรีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยอะไรได้บ้าง ?

ปกติแล้วในช่วง 1 – 3 ปี ของการผ่อนจ่ายยังมียอดดอกเบี้ยที่ไม่สูงมากนัก แต่หลังผ่านไปสักระยะนึงแล้วดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นได้ถึง 4 – 7% ต่อปีเลยทีเดียว การรีไฟแนนซ์บ้านจึงช่วยให้เราสามารถชำระดอกเบี้ยได้ในอัตราที่ถูกลงซึ่งในปัจจุบันก็มีดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ เฉลี่ย 3 ปี 2.45%  (อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยจาก : www.refinn.com ) ตามเงื่อนไขของธนาคารนั้น ๆ  และยังลดระยะเวลาในการผ่อนเมื่อเทียบกับการจ่ายแบบธรรมดาไปเรื่อย ๆ เพราะย่อมไม่มีใครต้องการจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปีอย่างแน่นอน

รีไฟแนนซ์บ้าน เหมาะกับใคร

รีไฟแนนซ์บ้านเหมาะกับผู้ที่ผ่อนบ้านมาแล้ว 3 ปี หรือครบกำหนดให้สามารถรีไฟแนนซ์ได้ตามสัญญากู้ซื้อที่อยู่อาศัยกับธนาคารเดิมแล้ว และต้องการขอยื่นกู้กับธนาคารแห่งใหม่ เพื่อปรับต้นทุนการกู้เงินรวมถึงอัตราดอกเบี้ยรวมให้ต่ำลง ผู้ที่อยากลดระยะเวลาผ่อนบ้านให้หมดไวขึ้น หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการวงเงินกู้มาใช้ในกรณีฉุกเฉินอย่างปิดหนี้บัตรเครดิต กล่าวคือ สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเป็นทางเลือกที่นักวางแผนทางการเงิน แนะนำผู้ขอสินเชื่อส่วนใหญ่ให้เลือกใช้สำหรับเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

ควรรีไฟแนนซ์บ้านเมื่อไหร่

ถึงแม้ว่าเราจะสามารถทำรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ได้หลังจากสิ้นสุดสัญญาเดิมแล้วเท่านั้นก็ควรยื่นเรื่องล่วงหน้าประมาณ 1 – 2 เดือนก่อนครบสัญญา เนื่องจากทางธนาคารต้องใช้เวลาในการพิจารณาเอกสาร ประเมินตัวราคา ตลอดจนทำเรื่องอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งหากเราเตรียมเอกสารไว้พร้อมการดำเนินงานจะใช้เวลาไม่นานนักและไม่ต้องเสียเวลารอ

รีไฟแนนซ์บ้าน คุ้มค่าหรือไม่ – ข้อดีมีอะไรบ้าง

1. Refinance บ้าน ขอวงเงินเพิ่มได้

หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นสามารถขอวงเงินเพิ่มได้ ซึ่งวงเงินก้อนที่ว่านี้เป็นส่วนต่างจากการรีไฟแนนซ์หลังจากเอาราคาประเมินบ้านหักลบกับยอดหนี้คงเหลือแล้ว โดยที่เราสามารถผ่อนจ่ายค่างวดพร้อมกับค่าบ้านได้ แต่อัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าเล็กน้อยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคารที่รีไฟแนนซ์

2. รีไฟแนนซ์บ้านช่วยประหยัดดอกเบี้ย

การรีไฟแนนซ์บ้านตอบโจทย์ในเรื่องของการช่วยประหยัดดอกเบี้ย เพราะการรีไฟแนนซ์จะทำให้ยอดของดอกเบี้ยที่เราต้องชำระในแต่ละเดือนนั้นลดน้อยลงจากเดิม

นั่นเป็นเพราะว่าการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นอาจจะทำให้เราได้ดอกเบี้ยเทียบเท่ากับตอนที่เรายื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ เ่ลยครับ

3. ลดระยะเวลาผ่อนบ้านได้

ข้อดีอีกอย่างของการรีไฟแนนซ์บ้านซึ่งนอกจากจะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยแล้วยังช่วยลดระยะเวลาของการผ่อนได้อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น ปกติเราผ่อนบ้านที่ระยะเวลา 30 ปี ยอดเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งในเงิน  15,000 ก็อาจจะเป็นเงินต้น 5,000 ดอกเบี้ย 10,0000 แต่หลังจากรีไฟแนนซ์แล้วดอกเบี้ยลดลงทำให้จากที่เคยจ่ายดอกเบี้ย 10,0000 ก็อาจจะเหลือ 6,000 บาท/เดือน และเป็นเงินต้น 9,000 บาท เงินต้นที่เพิ่มขึ้นมา 4,000 ต่อเดือนนี้ก็จะทำให้เราผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้น จากที่ต้องผ่อนอีก 25 ปี ก็อาจจะเหลือ 19 ปีได้ครับ

4. การรีไฟแนนซ์ช่วยลดยอดการจ่ายต่อเดือน

การเลือกรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดยอดการจ่ายต่อเดือนนั้น ตอนที่เรากู้ซื้อบ้านธนาคารจะคำนวณยอดผ่อนเราจากยอดวงเงินกู้ ทีนี้ตอนที่เรารีไฟแนนซ์บ้าน เราก็มีการผ่อนมาแล้วส่วนหนึ่งทำให้เงินต้นลดลง จากเดิมที่กู้ 3 ล้าน ตอนที่รีไฟแนนซ์อาจจะยืนกู้แค่ 2 ล้าน ดังนั้นธนาคารจะคำนวนยอดผ่อนจาก 2 ล้านบาท ก็จะส่งผลให้ยอดที่ต้องชำระต่อเดือนอาจจะลงลงได้ครับ ก็นับเป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างหนึ่งสำหรับผู้ขอสินเชื่อที่ต้องการลดภาระรายจ่ายเพื่อปรับสภาพคล่องทางการเงิน หรือคนที่อาจจะอยากนำเงินไปลงทุนเพิ่มก็สามารถใช้เงินที่เหลือเพิ่มจากส่วนนี้ได้

รีไฟแนนซ์บ้านอย่างไรให้คุ้มค่ามากที่สุด

การรีไฟแนนซ์บ้านเปรียบเสมือนการลงทุนอย่างหนึ่งที่ต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีและรอบคอบ เพื่อให้การกู้เหล่านั้นเกิดประโยชน์สูงสุด

แน่นอนว่าเราต้องมองหาธนาคารใหม่ที่ให้อัตราดอกเบี้ยดีที่สุด และต้องเหมาะสมกับเราที่สุด เงื่อนไขดีที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารเดิม จากนั้นจึงเปรียบเทียบค่างวดเก่ากับค่างวดใหม่ ซึ่งหากพิจารณาส่วนต่างดูแล้วพบว่าประหยัดดอกเบี้ยได้มากกว่าก็เริ่มดำเนินการได้เลย

ข้อสำคัญอีกอย่างในการรีไฟแนนซ์บ้านคือควรทำหลังจากพ้นกำหนดห้ามไถ่ถอนแล้ว ไม่เช่นนั้นเราอาจจะต้องเสียค่าปรับถึง 3% ของวงเงินคงเหลือ นอกจากนี้หากเราต้องการรีไฟแนนซ์ทุก ๆ 3 ปี

ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์บ้านนั้นแทบไม่ต่างอะไรมากจากตอนยื่นขอสินเชื่อกู้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากธนาคารใหม่ต้องการเอกสารข้อมูลไว้ตรวจสอบก่อนพิจารณาอนุมัติ โดยเอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นมีอยู่ด้วยกันสามหัวข้อหลัก นั่นคือ เอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคล เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารด้านหลักประกัน ซึ่งธนาคารบางแห่งอาจจะขอเอกสารอื่นเพิ่มเติมในภายหลัง

เอกสารที่ต้องเตรียมเบื้องต้นมีดังนี้

            • บัตรประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนาบัตร
            • ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนาถ่ายทุกหน้า
            • บัญชีธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน พร้อมสำเนา
            • สลิปเงินเดือนย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน พร้อมสำเนา
            • แบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี หรือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) พร้อมสำเนา
            • ใบเสร็จรับเงินการผ่อนชำระบ้านย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมสำเนา
            • สัญญาซื้อขาย
            • สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน (โฉนดบ้าน/ที่ดิน)
            • สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน หรือ ให้ที่ดิน หรือ ซื้อขายห้องชุด
            • สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดินหรือห้องชุด
            • สำเนาหนังสือสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเดิม

ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน

            • ติดต่อธนาคารปัจจุบันเพื่อตรวจสอบสัญญารวมถึงข้อมูลยอดหนี้คงเหลือ ปัจจุบันบางธนาคารสามารถเช็คได้จาก Appication ของธนาคารได้เลย
            • หลังจากได้ยอดที่ต้องการแล้วนำเอกสารไปยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ จากนั้นรออนุมัติ
            • เมื่อสินเชื่ออนุมัติแล้วให้ติดต่อกับธนาคารเก่าเพื่อนัดวันไถ่ถอน ณ สำนักงานที่ดิน
            • ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ สัญญาสินเชื่อใหม่ โดยที่เจ้าหน้าที่จากทั้งสองธนาคารต้องมาในวันเดียวกัน
            • ยื่นโฉนดที่ดินให้กับธนาคารใหม่ เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน

เอกสารรีไฟแนนซ์บ้านอาจดูเป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวายใจแถมยังมีโอกาสเสียเวลาเตรียมฟรีได้หากยื่นไม่ผ่าน ด้วยเหตุนี้การคำนวณเปรียบเทียบข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดก่อนยื่นขอจึงเป็นสิ่งสำคัญ

วิธีการเลือกรีไฟแนนซ์บ้าน

มีโปรโมชั่นมากมายนับร้อยสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน ดังนั้น ก่อนยื่นรีไฟแนนซ์ทางผู้ขอสินเชื่อควรศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบเสียก่อน เนื่องจากการรีไฟแนนซ์บ้านไม่ได้หมายความว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยได้เสมอไป แต่ถ้าเลือกโปรโมชั่นอย่างดีก็จะช่วยประหยัดได้ถึงหลักแสนบาททีเดียว

หรือหากใครต้องการความสะดวกไม่ ไม่อยากเดินไปที่สาขาธนาคารก็มีเว็บไซต์ refinn.com ที่เขาจะรวมดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านไว้ ให้เราได้ไปลองกรอกข้อมูลเพิ่มเปรียบเทียบดูว่ามีโปรโมชั่นไหนที่น่าสนใจบ้าง ตัวเว็บไซต์เองก็ยังมีการเปรียบเทียบให้ด้วยว่า ถ้าเลือกโปรนี้จะประหยัดได้กี่บาท บางทีก็มีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะผู้ที่สมัครผ่านช่องทางรีฟินน์ ใครสนใจก็ลอกงเข้าไปใช้บริการดูได้ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงคลิก  รีไฟแนนซ์บ้าน เลย

รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไหนดี

เมื่อการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นเป็นวิธีลดดอกเบี้ยที่ตอบโจทย์ คำถามต่อมาคือแล้วจะรีไฟแนนซ์กับธนาคารไหนดี? ในบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจจาก 4 ธนาคารชั้นนำมาให้แล้ว

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

ทางธอส.มีสินเชื่อบ้านสุขสันต์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยคุ้มค่าตลอดอายุสัญญารวมทั้งมีระยะเวลาผ่อนยาวนานสูงสุดถึง 40 ปี  อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 2.83% ต่อปีสำหรับกลุ่มลูกค้าสวัสดิการ และ 2.93% สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปในช่วงสามปีแรก เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ธนาคารออมสิน

สำหรับธนาคารออมสิน สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านมีระยะเวลาผ่อนชำระนาน 40 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 2.50% ต่อปีสำหรับกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ และ 2.65% ต่อปีสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปในกรณีที่ผู้กู้ต้องการทำประกันสินเชื่อ ซึ่งหากไม่ต้องการทำอัตราของดอกเบี้ยก็จะเฉลี่ยต่างออกไป

ธนาคารกรุงไทย

ในส่วนของธนาคารกรุงไทยจะมีอัตราดอกเบี้ยในช่วงสามปีแรกอยู่ที่ 2.60% ต่อปี ผ่อนยาวนานสูงสุด 40 ปี และมีเงื่อนไขของวงเงินสินเชื่อตามที่ธนาคารกำหนด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะต่างกันไปตามรูปแบบสินเชื่อว่าผู้ยื่นขอทำประกันหรือไม่ทำประกัน

ธนาคาร TMB

เงื่อนไขสินเชื่อธนาคารทหารไทยธนชาติจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีธนชาติ โดยให้ระยะเวลากู้นานสูงสุด 35 ปี วงเงินจะเท่ากับยอดหนี้เดิมหรือ 95% ของราคาประเมินและมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสามปีแรกอยู่ที่ 2.64%

การรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารเดิม

การขอรีเทนชั่น (Retention) หรือการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม ซึ่งหากจะเรียกให้ถูกต้องจริง ๆ ก็คือการขอลดดอกเบี้ยบ้านธนาคารเดิม เป็นวิธีลดดอกเบี้ยที่สามารถทำได้อีกทางหนึ่งหลังจากเราผ่อนบ้านครบ 3 ปีขึ้นไป แต่อัตราลดดอกเบี้ยที่ได้รับจะน้อยกว่าการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารใหม่ แลกกับข้อดีที่ว่าไม่ต้องเสียเวลาเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ให้ยุ่งยาก รวมถึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สำหรับดำเนินการ

หากเรามีแนวโน้มที่จะรีไฟแนนซ์ไม่ผ่านและมีประวัติการชำระหนี้ตรงเวลา การขอรีเทนชั่นก็เป็นวิธีการที่ดี โดยการเลือกขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมไปก่อนเพื่อรอให้ประวัติทางการเงินดี จากนั้นค่อยรีไฟแนนซ์บ้านไปธนาคารใหม่ก็ได้เช่นกัน

สรุป

การรีไฟแนนซ์บ้านคือเคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยให้เราผ่อนบ้านได้ไวขึ้นในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงและในบางกรณีอาจมีเงินเหลือเพื่อนำไปลงทุนอย่างอื่นได้ หากคุณกำลังตัดสินใจยื่นเรื่องอย่าลืมตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วน

เพราะไม่ว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านหรือรีไฟแนนซ์คอนโด “ดอกเบี้ย” และ “ระยะเวลาผ่อน” ถือเป็นปัจจัยหลักประกอบการตัดสินใจว่าเราควรรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไหนดีเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพของการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) ได้มากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image