ช่วงนี้รัฐบาลกำลังหัวหมุนอยู่กับปัญหาค้างคาที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาโดยตลอด อย่างเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ แต่ก็มีสินค้าเกษตรอยู่ไม่กี่ประเภทที่มีปัญหายาวนานและต่อเนื่อง คือ ยางพารา ปัญหานี้ได้มีการพูดคุยและแก้ไขมาตลอด แต่ก็ยังไม่เห็นทางออกชัดเจน ตอนนี้หลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก อยู่ที่รัฐบาลจะเลือกฟังเสียงรอบข้างหรือไม่
อย่าง นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย (สยยท.) เคยเสนอว่า ควรนำเงินจำนวน 20,000 ล้านบาท ที่จะนำไปชดเชยเกษตรกรหรือชดเชยราคายาง เข้าไปซื้อน้ำยางสดกับเกษตรกรและน้ำยางที่ผ่านขั้นตอนการผลิตแล้วมาลาดบนถนนในหมู่บ้านที่ไปรับซื้อ หมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร ทั้งประเทศมีกว่า 84,000 หมู่บ้าน ซึ่งถนน 1 กิโลเมตร จะใช้น้ำยางทั้งหมด 3 ตัน หากมีการลาดยางถนนในหมู่บ้านทั้งประเทศจะต้องใช้น้ำยางสดประมาณ 240,000 ตัน หรือคิดเป็นปริมาณยาง 20-30% ของยางทั้งประเทศ หากทางรัฐบาลลองเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้ อาจจะช่วยทำให้ปริมาณยางลดลง รวมถึงส่งผลให้ราคายางดีขึ้นอีกด้วย และยังแนะให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 ดำเนินการด้วย
ล่าสุด ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหายางพาราและมาตรการแก้ไขพืชผลเกษตรตกต่ำ ภายหลังคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติแผนให้ความช่วยเหลือและแนวทางแก้ไขปัญหายางพาราเร่งด่วน นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งให้เร่งรัดประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนโครงการทำถนนงานดินซีเมนต์ผสมยางพาราในตำบลและหมู่บ้าน ขณะนี้เกษตรและสหกรณ์ (กษ.) จังหวัดหนองบัวลําภู ได้ประสานงานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และ อบจ.ได้อนุมัติงบประมาณสร้างถนนงานดินซีเมนต์ผสมยางพาราแห่งแรก โดยเป็นถนนสาธิตตามนโยบายส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานรัฐ โดย อบจ.หนองบัวลำภู รับซื้อน้ำยางสดจากกลุ่มเกษตรกรห้วยเดื่อ 1,200 กิโลกรัม และจากสหกรณ์กองทุนสวนยางโนนทันยางทอง จำกัด 1,200 กิโลกรัม มาทำถนนยางพาราที่หมู่ 4 บ้านหินลับ ตำบลหนองสวรรค์ อ.เมืองหนองบัวลำภู แล้ว
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า มาตรการที่รัฐบาลชุดนี้นำมาใช้จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ยางพาราที่คารา คาซังนี้ได้หรือไม่ หากทำได้คงได้คะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นรับเลือกตั้งรอบนี้เป็นแน่
ภคพร บุญมี
