⦁…หน้าที่หลักในการทำความเข้าใจใน “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่” ที่ถูกถล่มหนักจากกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย แทนที่จะเป็นของ “สมาชิกสภานิติบัญญัติ” ที่โหวตกันพรึบให้ผ่านแบบ “ไม่มีเสียงต้าน” กลับกลายเห็นคนที่ต้องมาไล่ชี้แจงเป็น “โฆษกกระทรวงกลาโหม-พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิช” ซ้ำท่าทีในการบอกกล่าวเล่าแจ้งยังเป็น “การขอร้องขอความร่วมมือ” อันก่อให้เกิดการมองไปในมุมที่ว่า “กองทัพ” วิตกในพฤติกรรมการต้านที่ก่อกระแสแรงขึ้น
⦁…เพียงแต่น่าคิดไม่น้อยว่าสาระของการร้องขอ เริ่มต้นและจบลงด้วยมุมมองว่า ผู้ต่อต้านเป็น “ผู้ไม่เข้าใจในเนื้อหา พ.ร.บ.ฉบับนี้” เป็นแค่ “ปฏิบัติการตามๆ กันไป” ทั้งที่เหตุผลหนึ่งของการคัดค้านคือ “ได้ล่ารายชื่อชี้แจงเหตุที่รับไม่ได้ไปแล้ว” แต่ “สมาชิกสภานิติบัญญัติ” ไม่ให้ความสนใจ จนเกิดคำถามขึ้นมาว่า “คนมีหน้าที่ออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้กับคนทั้งประเทศ” มีความคิดความอ่านที่จะ “อ่านกฎหมายที่ตัวจะให้ออกประกาศใช้” หรือเป็นแค่ “ฝักถั่ว” ยกมือตามคำสั่ง ขาดประสิทธิภาพ และความสามารถในการกลั่นกรองไม่ให้เกิดปัญหา
⦁…แน่นอนว่า “ผู้บริหารประเทศ” ที่เป็น “รัฐบาล คสช.” ย่อมมีแนวโน้มที่จะเน้นการจัดการไปในทาง “เซฟความมั่นคงของชาติให้มาก” “เห็นอะไรที่เป็นประโยชน์ก็เดินหน้าไป” ซึ่งหากกลไกมีความเป็นปกติ “รัฐสภา” ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน จะมองเห็นว่าเรื่องใดอ่อนไหวกับ “ความรู้สึกนึกคิดของชาวบ้าน” การ “ทักท้วง ติติงเพื่อเป็นสติ” จะเกิดขึ้น อย่างน้อยให้ “ผู้มีอำนาจมีข้อมูลแตกต่างเพื่อยั้งคิด” จึงเกิดคำถามว่าในยุคสมัยแบบนี้ บทบาทของผู้นำหน้าที่ “รัฐสภา” สะท้อนความเป็นไปของสังคมได้แค่ไหน
⦁…เสนอปฏิรูปการศึกษาไทยด้วยการถอยหลังกลับไปเรียกตำแหน่ง “ผู้บริหารโรงเรียน” เป็น “ครูใหญ่” หรือ “อาจารย์ใหญ่” แทน “ผู้อำนวยการโรงเรียน” เหมือนที่ใช้ในปัจจุบัน เป็น “วิชั่นแรก” ในเก้าอี้ “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ” ของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล เป็น “วิชั่นแบบวกกลับไปที่เก่า” ซึ่งคงคล้าย “ปฏิรูปอื่นๆ” ที่ “ผู้บริหาร” รู้สึกดีงามกับสิ่งต่างๆ ในยุคสมัยที่ตัวเองได้สัมผัส และคิดว่า “สิ่งที่คิดมาใช้ในสังคมสมัยใหม่” เป็นความเลวร้ายก่อให้เกิดความเสื่อมทราม
⦁…ครั้งที่เปลี่ยนตำแหน่ง “อาจารย์ใหญ่” มาเป็น “ผู้อำนวยการโรงเรียน” เพราะต้องการให้เกิด “วิธีบริหารการศึกษา” แบบวิวัฒนาการสิ่งใหม่ๆ เข้ามา โดยมองว่า “ครูใหญ่-อาจารย์ใหญ่” เป็นคำที่ทำให้ก่อ “ความเชื่อ” ได้มากกว่า “ความรู้ที่มีอยู่จริง” ซึ่งจะเป็นอุปสรรคของความคิดให้ “เด็กเป็นศูนย์กลาง” เพราะ “ครูใหญ่-อาจารย์ใหญ่” เป็นสถานะที่เน้นการเคารพ เชื่อฟัง ซึ่งไม่แน่เสมอไปว่า “ความรู้ ความคิด” จะเหมาะกับการพัฒนาความรู้สมัยใหม่
⦁…ฟังข้อเสนอที่เกิดขึ้นในกระทรวงศึกษาธิการ แล้วกวาดสายตาสังเกตแนวคิดที่จะใช้กับเรื่องราวต่างๆ ในประเทศขณะนี้ น่าจะเกิดความรู้สึกเหมือนกันคือ มีความหวังกับ “ไทยยุคเก่า” ล้วนแล้วแต่คิด “เอาของเดิมมาปัดฝุ่น” ให้ “ฟื้นคุณค่าความสำคัญขึ้นมา” ที่ชัดเจนคือลดภาพยิ่งใหญ่ของ “นักการเมืองท้องถิ่น” มาให้ราคากับ “กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน” ซึ่งว่าไปที่มาที่ไปก็เป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” สะท้อนว่าอารมณ์การบริหารชาติ กำลังเข้าสู่ “ความโหยหาอดีต” ซึ่งน่าสนใจว่าเกิดจาก “เพราะเหนื่อยกับการตามโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเกินไปหรือไม่”
ชโลทร