⦁…บันทึกไว้ “ร่างงบประมาณรายได้ประจำปี 2561” ตั้งวงเงินไว้ที่ “2.9 ล้านล้านบาท” ตามยุทธศาสตร์ 3-6 ด้าน คือ 1.“ความมั่นคง” 273,954 ล้านบาท 2.“การสร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศ” 476,596 ล้านบาท 3.“การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน” 575,709 ล้านบาท 4.“การแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ” 332,584 ล้านบาท 5.“การจัดการน้ำและสร้างการเติบโตในคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” 125,459 ล้านบาท และ “สมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ” 784,210 ล้านบาท “มากที่สุด”
⦁…หากแบ่งเป็นรายกระทรวง ใน 5 อันดับแรกลงที่ “ศึกษาธิการ” มากสุด 510,961 ล้านบาท ตามด้วย “มหาดไทย” 335,995 ล้านบาท “คลัง” 238,356 ล้านบาท “กลาโหม” 222,436 ล้านบาท “คมนาคม” 172,876 ล้านบาท และสรุปความว่าใน “2.9 ล้านล้านบาท” เป็น “รายจ่ายประจำ” 2.1 ล้านล้านบาท เป็น “งบลงทุน” 659,924 ล้านบาท และ “ชำระคืนต้นเงินกู้” 86,942 ล้านบาท หากเป็นการเสนอผ่าน “สภาผู้แทนราษฎร” ซึ่งฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ ย่อมเป็นวาระที่ “ชวนตื่นเต้นกับการวิพากษ์วิจารณ์” ที่อย่างน้อย “ประชาชนจะได้ความรู้ ความเข้าใจการบริหารจัดการประเทศ” แต่สำหรับยุคสมัยเช่นนี้ “ก็ว่ากันไป” คือ “สำนึกการมีส่วนร่วมของประชาชน”
⦁…เหมือนว่าความเชื่อมั่น “ประเทศจะมีเลือกตั้ง” ของคนไทย “เปราะบางยิ่ง” แค่ “หัวหน้า คสช.” ให้ “ประชาชนตอบ 4 คำถาม” ผ่าน “ศูนย์ดำรงธรรม” ถึง “ธรรมาภิบาลของการเลือกตั้งและรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง” ตามมาด้วย “เซตซีโร่ กกต.” การตีความก็ดังให้ขรมว่าจะเป็นเหตุให้ “ไม่มีเลือกตั้งในเร็ววัน” เมื่อประกอบกับข้อสรุป “เมื่อยังไม่สงบก็ยังไม่มีเลือกตั้ง” หลังเกิด “ระเบิดป่วนกรุง” ยิ่งทำให้ “ความไม่เชื่อเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น”
⦁…แต่ว่าไป “ความวิตกว่าจะยังไม่มีการเลือกตั้ง” ใช่ว่าจะไม่มีเหตุเสียทีเดียว “คำตอบของประชาชนสำหรับ 4 คำถามบิ๊กตู่” ที่ใครจะตอบต้อง “แสดงตัวพร้อมบัตรประชาชน” ให้ “เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม” บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ในยุคสมัยที่ “สอพลอ” ปลอดภัย และอาจได้ดิบได้ดี ขณะ “ยืนอยู่คนละข้าง” เป็นปัญหาต่อความปลอดภัยในชีวิต ย่อมคาดเดาได้ว่า “ปัจจัยภายในประเทศ” จะออกไปในทิศทางใด และเมื่อ “ปัจจัยภายนอกประเทศ” แรงกดดันต่ำลง ในยุคสมัย “พี่ใหญ่อเมริกา” มี “ประธานาธิบดี” เป็น โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เน้น “ผลประโยชน์สหรัฐ” มาก่อน ขณะที่อีกฝั่งคือ “จีน” ที่ให้น้ำหนักความสำคัญไว้ที่ “ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ” เช่นกัน “ประเทศไหนเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ จึงไม่มีความหมายต่อการให้ความสำคัญเหมือนเมื่อก่อน”
⦁…ในยุทธศาสตร์ “สังคมจะเติบโตไปพร้อมกับคุณภาพของสิ่งแวดล้อม” มีความเป็นไปที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง “เกาะลอย” ที่ “อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี” ถูกยกสัมปทาน 30 ปี ให้ “บริษัทธุรกิจ” ไปสร้าง “รีสอร์ตหรู” พร้อม “ท่าจอดเรือยอชต์” กลายเป็น “สถานที่หย่อนใจ” ของ “เศรษฐี” แทนที่จะเป็น “แหล่งพักผ่อนของคนทั่วไปในชุมชน” น่าจับตายิ่งว่า “นักวางยุทธศาสตร์ประเทศ” คิดอย่างไรกับ “ความกังวลใจของคนในท้องถิ่น”
⦁…ปราบปรามทุจริตประสบความสำเร็จสูงยิ่ง “เสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์” 14,318 จุด ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ “โครงการของ ศอ.บต.” ใช้ไม่ได้จำนวนมาก เช่นเดียวกับ “กล้องวงจรปิด” ที่ทุ่มงบประมาณติดตั้งกันทั่วเมือง แต่ไม่เคยใช้อะไรได้ เมื่อเกิดเหตุร้าย “คำชี้แจงของหน่วยงานราชการ” คือ “ไม่มีทุจริต” ความสำเร็จของนโยบายอยู่ที่ “เชื่อตามคำชี้แจง”
⦁…เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องสังคม โดยเฉพาะ “สื่อมวลชน” เลิกสนใจ “ข่าวเปรี้ยวหั่นศพ” โดยให้ราคาเป็น “เรื่องไร้สาระ” และเรียกร้องให้ “ติดตามเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ” พร้อมตบด้วยคำถามว่า “สังคมเป็นแบบนี้ ปัญหาอยู่ที่ไหน” ซึ่งคำตอบน่าจะหาได้ทั่วไป โดยเฉพาะใน “โซเชียลเน็ตเวิร์ก”
ชโลทร